“ชวน” เชื่อไม่มีปฏิวัติแม้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง นอกจากมีการปลุกระดมพูดให้เสียหาย จี้ “นช.แม้ว” ที่เลี้ยงดูแก๊งเสื้อแดงสั่งห้ามป่วนพรรคอื่นหาเสียง พร้อมแนะเอาอย่างคน 3 จังหวัดภาคใต้ทีมีสปิริตสูงไม่ไล่ “เจ๊ปู” แม้ถูกพี่ชายใช้กำปั้นเหล็กทุบจนเกิดปัญหาบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน ยันหมดสมัยชี้นิ้วเลือกนายกฯ ต้องแข่งขันกันในสภาเท่านั้น ส่วนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาไม่เกี่ยวไทยถอนตัวจากมรดกโลก เหน็บ “ฮุนเซน” สู่รู้
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เพราะไม่มีเหตุผล นอกจากจะมีการปลุกระดมเพื่อพูดให้เสียหายต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเช่นทหารเสียหาย หากคนนั้นชนะและทหารจะปฏิวัติ ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่มีแล้ว นอกจากพูดเพื่อให้เกิดความเสียหายและเกิดความไม่น่าเชื่อถือ หรือจะเป็นเหตุผลให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับความเสียหายหรือส่งเสริมตัวเองขึ้นมาเท่านั้น
“ผมว่าแม้กระทั่งคำถามเช่นนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะมันเดินมาถึงกระบวนการที่จะต้องไปเลือกตั้ง จะไปตั้งคำถามสมมติว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันสมมติได้ แต่ในความเป็นจริงไม่ควรที่จะนำมาพูดกันอีกแล้ว เพราะมันมาถึงการเลือกตั้งแล้ว ส่วนใครที่จะได้ที่หนึ่งหรือที่สอง ก็ให้เป็นไปตามเสียงของประชาชน การตั้งรัฐบาลก็จะเป็นไปตามปกติของกระบวนการ เพราะรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยใช้เสียงข้างมาก ใครรวมเสียงข้างมากไม่ได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ สิ่งสำคัญคือจำนวนเสียงเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากแล้วรวมเสียงพรรคร่วมไม่ได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์สามารถรวมเสียงข้างมากได้ ในฐานะที่เป็นพรรคลำดับที่ 2 เกรงกันว่าจะเกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น นายชวนกล่าวว่า มันมีหลักของมันอยู่วันยังค่ำ ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่ได้เป็นกฎหมาย ทำกันอย่างนี้ คือ หากสามารถไปรวบรวมเสียงและสามารถจัดตั้งได้ก่อน การที่พรรคเพื่อไทยพยายามปลุกให้สวมเสื้อแดงออกมาแสดงพลังเพื่อให้เกิดความวุ่นวายก็ควรจะห้ามปราม และควรห้ามไม่ให้ออกมาในช่วงการหาเสียง ไม่ควรไปรบกวนฝ่ายอื่น เช่น การทำลายป้าย โห่ร้องขับไล่ฝ่ายอื่น
นายชวนยกตัวอย่างชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทน ลงไปหาเสียงที่ จ.ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณคือสาเหตุของการนองเลือดในพื้นที่ภาคใต้ แต่ชาวบ้านเองไม่ได้แสดงออกต่อต้านในลักษณะที่รุนแรง ไม่มีการปาสิ่งของ ไม่ด่าหรือออกมาประท้วงใดๆ เป็นรื่องที่น่าชื่นชม เพราะพวกเขาเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายโจรกระจอกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วันนี้เขาเองออกมารับสารภาพเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วว่าเป็นความพลาดของเขาที่ไปใช้กำปั้นเหล็กกับพี่น้องมุสลิม แต่คนในพื้นที่กลับไม่ได้ออกมาตอบโต้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เป็นโคลนนิ่งตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนได้กล่าวชมชาวบ้านว่า เราจะพอใจหรือไม่ ก็ให้เก็บเอาไว้แล้วไปแสดงออกตอนเลือกตั้งดีกว่าใช้วิธีรุนแรง เพราะจะไม่จบ มันก็จะมีการโต้ตอบอย่างที่คนเสื้อแดงใช้กันทุกวันนี้ ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยเองควรจะห้าม ไม่ควรปล่อย
นายชวนกล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับชัดเจนว่าเลี้ยงคนเสื้อแดงอยู่ แต่ก็มีการพูดติดตลกว่า ถ้า ส.ส.ไปกินก๋วยเตี๋ยวต้องจ่ายเงินเอง ขอให้ไปดูและทำรายงานเบิกค่าใช้จ่ายมา ดังนั้น ตนมองว่าเขาสามารถห้ามคนเสื้อแดงได้ ไม่ให้ใช้วิธีการทำลายแผ่นป้ายหาเสียงที่รุนแรงมากในภาคอีสานกว่า 90% ที่ตนสังเกตจากสองข้างทาง ป้ายถูกทำลายมาก แต่ในภาคใต้ที่ตระเวนหาเสียงสังเกตดูตลอด 2 วันใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลับไม่พบการทำลายป้ายหาเสียงของพรรคใดๆ มีเพียงแผ่นเดียวที่ขูดและฉีก แต่รูปยังอยู่ครบ เราพยายามไม่เขียนอะไร แต่บอกให้ชาวบ้านอย่าไปทำวิธีนี้ เราเลือกตั้งมา 79 ปี สมัยก่อนก็ไม่มีการทำลายกันรุนแรงเช่นนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการใช้หลักเสียงข้างมาก จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายอื่นที่รู้จักกับนักการเมืองเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชวนถามกลับว่า ฝ่ายอื่นหมายถึงใคร ผู้สื่อข่าวตอบว่าหมายถึงใครก็ได้ หรือคนที่มีบารมี มีปืนก็ได้ นายชวนตอบว่า มันหมดไปแล้ว เพราะเดี่ยวนี้การเลือกนายกรัฐมนตรีเขาเลือกกันในสภา มีการขานชื่อ ใครจะมาจี้ให้ลงชื่อเหมือนสมัยก่อนไม่มีแล้ว สมัยก่อนอาจจะจี้หัวหน้าพรรคให้ลงชื่อเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ แต่เดี่ยวนี้ทำไม่ได้แล้ว แม้กระทั่งครั้งหลังสุดที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้ ฉะนั้น เมื่อเลือกเสร็จจะพอใจหรือไม่พอใจ แต่หลังสุดเท่านั้นที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปแข่งขัน ซึ่งแข่งมา 3 ครั้ง ฝ่ายอื่นก็ไม่มีสิทธิ ส่วนจะหนุนใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ชนิดที่จะไปเปลี่ยนเสียงข้างมากมาเป็นเสียงข้างน้อย มันทำไม่ได้
เมื่อถามว่า ก่อนมีการจัดตั้งรัฐบาลจะมีการไปขอคำแนะนำจากเหล่าทัพหรือกองทัพ หรือไม่ นายชวนตอบว่า ไม่ทราบต้องไปถามพรรคการเมืองนั้นๆ แต่ถ้าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องไปปรึกษาใคร และมีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปถาม
ต่อข้อถามว่า เมื่อปี 51 มีการไปขอคำแนะนำจากทหาร นายชวนถามกลับว่า เมื่อปี 51 เหตุผลมีทหารมาลงคะแนนด้วยไหม ต้องดูเหตุผลความเป็นจริง และต้องเข้าใจเจตนาคำถามว่าถามเพื่ออะไร แต่ตมคงไม่เป็นเหยื่อไปด่าพรรคการเมืองอื่น เพราะจริงๆ ตมเห็นว่าเมื่อเลือกตั้งปี 50 เสร็จลง นายสมัคร สุนทรเวช ก็เป็นนายกฯ ก็ไม่มีใครว่าอะไร หรือจากนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกฯ ก็ไม่มีใครว่าอะไร โคลนนิ่งกันอยู่แต่ในตระกูล ไม่มีใครพูดอะไรเลย แต่พอนายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ ก็มีปัญหาเลย อันนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมว่ามีความต่างกันอย่างไร คือมันเปลี่ยนแปลงได้เรื่องเสียงในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล
“ผมก็เคยคุยว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไป เพราะแปลกใจและไม่ชอบนักการเมืองที่ย้ายพรรคสังกัด เปลี่ยนอุดมการณ์ ซึ่งเขาก็บอกว่า เขาเองไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยน แต่วันหนึ่งคุณทักษิณ พูดเรื่องๆ หนึ่ง มันก็ขาดสะบั้นไป อุดมการณ์ไปกันคนละทิศ เรื่องอื่นไปได้ แต่เรื่องนี้ไปไม่ได้ อันนี้คือข้อเท็จจริงที่พูดคุยกัน”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เรื่องหนึ่งที่ยอมรับไม่ได้คือเรื่องอะไร นายชวนกล่าวว่า ตนว่าสื่อรู้กันอยู่แล้ว แต่ดัดจริตทำเป็นไม่รู้ ทำเป็นตั้งคำถามและให้คนอื่นเขาตอบ แต่ความจริงพวกคุณรู้คำตอบและตอบได้มากกว่าตน เพราะอยู่ใกล้ชิดมากกว่า
ผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า นายชวนน่าจะรู้มากกว่า นายชวนกล่าวย้อนว่า ตนไม่รู้อะไรมาก ถ้าไม่ได้ฟังด้วยหูตัวเองก็จะไม่กล้าพูด แต่เมื่อได้ฟังกับหูตัวเองก็เลยเข้าใจ ความจริงก็อยากรู้เช่นกันว่า อยู่ร่วมกันมาดีๆ แล้วมาขาดสะบั้นกันตอนไหน ซึ่งเขามาเล่าให้ฟังว่าความจริงไม่มีเรื่องขัดแย้งอย่างอื่นเลย แต่พอถึงเรื่องนี้พูดปั๊บก็ขาดเลยแต่ตนขอไม่พูด ไม่อยากเป็นเหยื่อเหตุการณ์อะไรทั้งนั้น เพียงแต่จะเล่าให้ฟังว่าเหตุของของการเปลี่ยนแปลงว่า ได้ยินมาอย่างไรบ้าง
นายชวนกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่ไทยประกาศถอนตัวจากภาคีคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจเกิดการสู้รบขึ้น ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันกับการสู้รบและไม่เกี่ยวกับเรื่องมรดกโลก เพราะปัญหามรดกโลกก็เป็นปัญหาหนึ่ง ส่วนความสงบเรียบร้อยในกัมพูชาไม่ใช่ว่าพอเกิดปัญหานี้ขึ้นมาก็จะมาสู้รบกัน มันไม่ใช่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ก็เป็นธรรมดาที่ทั้งสองฝ่ายจะเตรียมความพร้อม ที่ปกติต่างฝ่ายก็เตรียมพร้อมอยู่เสมอ
ส่วนไทยควรจะต้องตั้งรับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามรัฐบาล ทหารเองเขาก็มีการเตรียมและประกาศชัดเจนแล้ววว่า เขาเตรียมพร้อมตลอดเวลา เมื่อถามอีกว่าล่าสุด นายฮุนเซนออกมากล่าวว่าการที่ไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลกเป็นการเตรียมการที่จะไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น นายชวนกล่าวว่า เราคงไม่รู้ดีเท่านายฮุนเซน เพราะเขารู้มากกว่าเราเยอะ
ต่อข้อถามว่าเป็นการก้าวก่ายการเมืองภายในประเทศไทยหรือไม่ นายชวนตอบย้ำว่า ตนถึงบอกไปว่าเราไม่รู้มากเท่าเขา ที่พูดเช่นนี้หมายถึงว่าที่เขารู้ไปถึงขนาดนั้น เราไม่เคยมีความรู้เรื่องนี้มาก่อน ผลอันนั้นจะทำให้ไม่มีการเลือกตั้งก็เลยไม่อยากไปวิจารณ์ว่ามันเป็นอย่างไร เอาไว้ดูว่ามันจะมีจริงหรือไม่ ถ้าไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็แสดงว่าเขาแม่นมาก