นายกสมาคมบลจ.ชี้นายกฯหญิงไม่มีประสบการณ์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ระบุภารกิจเร่งด่วนจัดตั้งรัฐบาล-เลือกคนที่เหมาะสมเข้าทำหน้าที่ จับตาทีมเศรษฐกิจต้องเยี่ยมเพื่อเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนประเทศต่อไป
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (สมาคม บลจ.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศว่า ระบบพรรคการเมืองที่ดีจะต้องทำงานกันเป็นทีม ลำพังนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวไม่ว่าจะเป็นเพศไหน จะมีประสบการณ์การเมืองหรือไม่ ก็ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ทั้งหมด ความเชี่ยวชาญชำนาญของคนก็ไม่เท่ากัน บางคนเก่งด้านหนี่ง มีจุดอ่อนบางเรื่อง ในขณะที่อีกคนก็เก่งด้านที่เป็นจุดอ่อนของคนแรก แต่ก็อาจมีจุดด้อยในด้านอื่น การรู้จักเลือกคนที่เหมาะสมมาทำงานและการทำงานแบบทีมเวิร์คจึงสำคัญ ประเด็นที่ผู้ลงทุนในประเทศและต่างประเทศพิจารณาก็คือความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินตามนโยบายที่สัญญาไว้ ซึ่งเมื่อผู้ชนะได้เสียงเกินครึ่ง ในเชิงเสถียรภาพก็เป็นบวก จะนำพรรคอื่นมาร่วมก็เจรจากันได้ง่ายกว่ามีเสียงไม่ถึงครึ่ง ความกังวลเรื่องกองทัพจะเข้ามาก็ไม่มีเหลือแล้วเพราะคนไทยส่วนใหญ่เขาเลือกแบบนี้ กองทัพก็มีความเป็นประชาธิปไตยจึงจะไม่ข้าไปก้าวก่ายตราบใดที่ประเทศไม่ถึงทางตัน และฝ่ายการเมืองไม่ทำอะไรที่กระทบต่อสถาบันหลักของชาติ
ทั้งนี้ เป็นธรรมดาที่ถนนทุกสายจะวิ่งเข้าสู่ผู้ชนะ (The Winner Takes It All) ต่างชาติเองก็เช่นกัน การที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นสตรี และไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองจึงยังไม่ใช่ประเด็นโดยเฉพาะในขณะนี้ แต่สิ่งที่ควรทำคือการจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดให้เข้ามาบริหารประเทศ โดย
เลือกคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ ไม่ใช่เลือกด้วยบุญคุณตอบแทนโดยที่เจ้าตัวไม่มีความสามารถในด้านนั้นๆ ทีมเศรษฐกิจต้องยอดเยี่ยม เพราะนี่คือหัวใจของการขับเคลื่อนประเทศ
ขณะเดียวกันนโยบายที่พรรคหลักๆ ใช้หาเสียงก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น คือมีประชานิยมระยะสั้น และมีเมกะโปรเจคระยะยาว แต่ทุกอย่างจะอยู่ที่ว่าเรามีงบประมาณเท่าไร หาเพิ่มได้จากไหน หากเป็นการเพิ่มภาษีก็ต้องดูว่าแล้วมันเป็นธรรมหรือไม่ การใช้โครงการประชานิยมจำนวนมากไม่ว่าพรรคใดจะทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในฐานะลำบาก ปัญหาเงินเฟ้อก็จะเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม หาเสียงก็เรื่องหนึ่ง ของจริงอาจเป็นอีกเรื่องก็ได้ ณ ขณะนี้ เราจึงควรรอดูก่อนว่าเมื่อเป็นรัฐบาลจริงๆ แล้ว เขาจะทำอะไรได้บ้างจากจำนวนนโยบายที่ใช้หาเสียง การวิจารณ์ในวันนี้ยังเร็วไป ต้องดูว่างบประมาณปี 2555 จะทำได้เร็วขนาดไหน และต้องตัดนโยนบายอะไรออกไปบ้าง เพราะเงินมีจำกัด
นางวรวรรณ กล่าวเพิ่มเติมถึงบางกระแสที่มองว่าการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่จะไม่ครบวาระว่า
ในปีหน้านักการเมืองจำนวนมากจะพ้น Banned Period ใน 111 คนนี้ก็มีหลายคนที่มีฝีมือ เขาก็คงต้องการกลับเข้ามา ดังนั้น อาจมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ได้ หากช่วงนั้นสภาพการเมืองและคะแนนเสียงของเพื่อไทยได้เปรียบ ดังนั้น ช่วง 1 ปีต่อจากนี้ คิดว่าอะไรๆ น่าจะยังไปได้ ส่วนที่จะทำอะไรให้บ้านเมืองแตกแยกนั้น ทางรัฐบาลใหม่ก็คงระงับไว้ อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่ง คงจะเดินหน้าทำให้เกิดผลงานพิสูจน์ฝีมือกันมากกว่า
ทั้งนี้ ปัญหาที่จะทำให้แตกแยกเข้าสู่วังวนเดิมอีกก็ไม่กี่เรื่อง เช่น การล้มล้างกระบวนการยุติธรรม การก้าวล่วงสถาบันหลักของชาติ การกระทำอันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ การควบคุมองค์กรอิสระที่ควรจะอิสระจริงๆ จากอำนาจฝ่ายบริหาร และสุดท้ายที่กำลังเพิ่มดีกรีความสำคัญก็คือ การทุจริตคอร์รัปชั่น มองในแง่ดีก็คือ ทุกคนต่างเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตกันทุกฝ่าย คงไม่มีใครอยากผิดพลาดจนประเทศปสู่ทางตันจนต้องหยุดระบอบประชาธิปไตยกันไปอีกครั้ง ซึ่งสมดุลย์อำนาจน่าจะเกิด หากทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างเป็นอิสระแก่กัน และอยู่ในครรลองครองธรรมทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติ และกองทัพ
