ผ่าประเด็นร้อน
นอกจากรัฐบาลเพื่อไทยจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาทางช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคดีอาญาความผิดเกี่ยวกับทุจริต โทษจำคุก 2 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ให้กลับประเทศไทยโดยไม่ต้องติดคุกแล้ว
นอกจากจะช่วยนายใหญ่ทักษิณแล้ว สำหรับคนเสื้อแดง มวลชนของทักษิณและพรรคเพื่อไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็กระโดดเข้ามาอุ้มชูหวังช่วยเหลือในด้านคดีความกันเต็มที่เช่นกัน
เวลานี้ก็สั่งให้ตำรวจนครบาลเร่งรัดสรุปสำนวน 13 ศพเสื้อแดงที่รวมถึง 6 ศพที่วัดปทุมวนานามฯ และการเสียชีวิตของฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ และช่างภาพอิสระชาวอิตาลี
ฝ่ายตำรวจก็สนองไม่มีอิดเอื้อน เร่งฝีตีนให้เต็มที่ และตำรวจได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าหลังอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี-สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนคดี 13 ศพของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในวันที่ 9 และ 8 ธันวาคมตามลำดับ ตำรวจก็จะเร่งสรุปสำนวนส่งอัยการภายใน 17 ธันวาคมนี้
เช่นเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อไทยก็หาช่องทางช่วยเหลือเอาใจคนเสื้อแดงเต็มพิกัด ดูได้จากกรณี “คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร” ที่มีคนผิวสองสี-สุนัย จุลพงษธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (แท้จริงก็คือเสื้อแดงตัวพ่อ) เป็นประธาน
สุนัยเอาเครดิตความเป็นประธาน กมธ.ต่างประเทศ ไปเดินหน้าชักศึกเข้าบ้าน คือประกาศจะนำคดี 91 ศพที่เสียชีวิตที่ช่วงระหว่างการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงตั้งแต่มีนาคม-พฤษภาคม 53 ไปยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศในวันที่ 9 ธันวาคมนี้
เป็นการเดินตามรอยเท้าของโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของทักษิณ แกนหลักทีมกฎหมายระหว่างต่างประเทศ ที่ถูกส่งมาช่วยทำคดีให้กลุ่ม นปช. ก็เคยเคลื่อนไหวยื่นเรื่องให้ศาลอาญาระหว่างประเทศพิจารณาไต่สวนกรณี 91 ศพ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยฝ่ายอัมสเตอร์ดัม และทนาย นปช.ฝ่ายไทยพยายามบอกว่า เหตุที่ไม่คืบหน้าเพราะไทยไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกว่าด้วยข้อตกลงคดีอาญาระหว่างประเทศ ทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า การรับเรื่องไว้ไต่สวนไม่อาจทำได้
จึงน่าสงสัยเหมือนกันว่า ตัวสุนัยซึ่งเป็นทนายความก็น่าจะรับรู้ในประเด็นนี้ แล้วทำไมถึงคิดจะเคลื่อนไหวแบบเดียวกับอัมสเตอร์ดัมอีกรอบ ทั้งที่มีหลายเรื่องที่หากสุนัยคิดจะเคลื่อนไหวแบบนี้จริงก็น่าจะทำมากกว่าเช่นนำเรื่องฆ่าตัดตอน 2,500 ศพสมัยทักษิณเป็นนายกฯ ไปฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวแบบนี้น่าจะเป็นความพยายามครั้งใหม่ โดยที่ทักษิณกับเพื่อไทยคิดเปลี่ยนหมากเดิน คือจะเอาเครดิตความเป็นฝ่ายนิติบัญญัติของไทยที่น่าจะมีน้ำหนักกว่าอัมสเตอร์ดัม มาเป็นเครื่องมือจุดประเด็นลากเรื่องนี้ไปที่เวทีต่างประเทศอีกครั้ง อันนี้ก็น่าคิดและชวนให้แกะรอยไม่น้อย
อย่างการไปของสุนัยที่บอกว่าจะใช้งบส่วนตัว ไม่ใช่งบของสภาผู้แทนราษฏรหรือของกรรมาธิการต่างประเทศ แต่การที่สุนัยซึ่งสวมหมวก ปธ.กมธ.ต่างประเทศ และนำ ส.ส.เพื่อไทยในกรรมาธิการบางคนเช่น จารุพรรณ กุลดิลก ไปแถลงข่าวการยื่นฟ้องดังกล่าว พร้อมกับอ้างว่าเหตุที่ต้องนำเรื่องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะไม่ต้องการให้เกิดข้อครหาว่ารัฐบาลดำเนินคดีกับใครคนใดคนหนึ่งหรือฝ่ายใดฝายหนึ่ง
ก็ทำให้สังคมสับสนไม่น้อยในหลายเรื่องเช่น การแถลงข่าวดังกล่าวของสุนัย คือท่าทีของกรรมาธิการหรือแถลงข่าวส่วนตัว เพราะต่อมากมธ.ต่างประเทศจากพรรคการเมืองอื่นอย่าง นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ จากประชาธิปัตย์ ก็ออกมาบอกว่า เรื่องนี้ไม่เคยมีการคุยกันใน กมธ.ต่างประเทศเป็นการทำโดยพลการของสุนัย
อีกทั้งเหตุผลที่ กมธ.ต่างประเทศจากซีกพรรคเพื่อไทย อ้างว่าเหตุที่ต้องไปยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะไม่ต้องการให้เกิดข้อครหาว่ารัฐบาลดำเนินคดีกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล
เนื่องจากขณะนี้กระบวนการสอบสวนต่างๆ ในเรื่องการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงก็กำลังดำเนินไปอยู่ในแต่ละส่วน อย่างคดี 13 ศพทางนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพก็บอกแล้วว่าพร้อมจะไปชี้แจงตามหมายเรียกของตำรวจ และก่อนหน้านี้นายทหารระดับสูงตั้งแต่ยศระดับพันตรีจนถึงพลตรีที่เคยมีบทบาทสำคัญในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ต่างก็ให้ความร่วมมือเดินทางไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลกันจำนวนหลายสิบคน
จึงแสดงให้เห็นว่า คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือทหาร ก็ไม่ได้ปฏิเสธระบบตรวจสอบที่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย กระบวนการยุติธรรมของไทย และตอนนี้กระบวนการตรวจสอบจากส่วนต่างๆ ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
แล้วเหตุใด ส.ส.เพื่อไทยที่เป็นคนไทย จึงไม่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่กลับจะไปหวังพึ่งกระบวนการยุติธรรมจากต่างประเทศ ซึ่งหากจะไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหลังจากมีการตัดสินใดๆ ออกมาแล้ว ฝ่ายเสื้อแดง-นปช.-เพื่อไทยไม่พอใจ แบบนั้นยังจะสมเหตุสมผลกว่า
อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่สงครามระหว่างประเทศ ที่มีการนำอาวุธสงครามมาไล่ยิงประชาชนบริสุทธิ์ แต่เป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ที่ฝ่ายเสื้อแดงเอง ก็มีกองกำลังติดอาวุธ มีชายชุดดำพร้อมอาวุธสงครามอย่าง เอ็ม 79-ระเบิด ที่นำมาใช้เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหาร
จึงมีเสียงวิจารณ์สะท้อนว่า สุนัยและกมธ.ต่างประเทศ ในซีกพรรคเพื่อไทย ไปรับงานใครมาหรือทำเพราะหวังผลการเมืองนอกประเทศ คือนอกจากเอาใจคนเสื้อแดงแล้ว สุนัยก็อาจหวังว่าการยื่นฟ้องคดีนี้ จะทำให้ทักษิณ ชินวัตร ได้รับอานิสงส์ในทางการเมืองระหว่างประเทศไปด้วยคือ
หวังจะทำให้นานาประเทศเห็นว่า ทักษิณที่ถูกดีเอสไอยื่นฟ้องต่อศาลอาญาว่าเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้ายในช่วงชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่เป็นความจริง เพราะทักษิณยืนอยู่ฝ่ายผู้ยื่นฟ้องคือคนเสื้อแดงที่เรียกตัวเองว่าฝั่งคนรักประชาธิปไตย เดินหมากนี้จะมีผลต่อการสร้างความชอบธรรมให้ทักษิณไม่มากก็น้อยในเวทีต่างประเทศ
ส่วน สุนัย ก็มีแต่ได้กับได้ในการเล่นบทบาทนี้ คือนอกจากจะได้เรตติ้งจากคนเสื้อแดงแล้ว แกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะทักษิณ ก็ต้องชอบใจเพราะให้เก้าอี้ประธานกมธ.ต่างประเทศแล้ว ก็ไม่ใช่นั่งเงียบไม่ทำอะไรตอบแทนให้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยเลย
ถ้าได้จังหวะประจวบเหมาะ หากมีการปรับ ครม.อะไรกันในอนาคต แม้ดีกรีชื่อชั้นของสุนัยแม้จะเป็น ส.ส.หลายสมัย แต่การต่อแถวลุ้นเป็นรัฐมนตรีคงต้องรอสักระยะ ทว่าถ้าหากทำผลงานให้เข้าตาทักษิณบ่อยๆ ความฝันอาจเป็นจริง
สุนัย หวังอยากได้เป็น รมช.ศึกษาธิการ หรือกระทรวงอะไรก็ได้สักครั้งในชีวิตหลังเล่นการเมืองมายี่สิบกว่าปี ก็คงไม่กลายเป็นฝันค้าง