“เฉลิม” ใช้เวทีปราบยาเสพติด แก้ตัวแทนยุค “ทักษิณ” ไม่มีฆ่าตัดตอน

“เฉลิม” อาศัยเวทีมอบนโยบายปราบยาเสพติด แก้ต่างแทนยุค “ทักษิณ” ไม่มีฆ่าตัดตอน อ้างพวกค้ายาฆ่ากันเอง พร้อมกราบขอบคุณกลางดวงใจ “นายกฯ ปู” หนุนปราบยา จี้ตลอดจนมีผลงานออกมาดี เตรียมยกระดับเป็นวาระภูมิภาค บินคุยจีนช่วยประสานเพื่อนบ้านร่วมต้าน อ้อนนายกฯ ขอเพิ่มงบฯให้ ป.ป.ส.และตำรวจ ฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” ถูกสื่อปล่อยข่าวย้าย “เพรียวพันธ์”

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการ และมอบนโยบายเพื่อเน้นย้ำให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทั่วประเทศ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตอนหนึ่งว่า ขอกราบขอบพระคุณนายกรัฐมนตรีกลางดวงใจ เพราะผลงานที่ผ่านมารัฐบาลไม่คาดคิดว่าจะได้ผลถึงขนาดนี้ เนื่องจากสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการปราบปรามยาเสพติดลดปัญหายาเสพติดจากปี 2544 ที่เข้ารับตำแหน่งจนถึงปี 2548 ก่อนการปฏิวัติ ผู้ค้าลดลง ผู้เสพลดลงประกาศสงครามกับยาเสพติด ระหว่างนั้นมีคนตาย 2,500 คน เมื่อมีการปฏิวัติก็เกิดปัญหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณสั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ข้าราชการทุกภาคส่วนจึงเกรงกลัว มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทั้งที่ชุดของนายคณิต ณ นคร ก็ระบุว่าไม่มีการฆ่าตัดตอน หรือคณะของ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ก็มีการระบุว่าไม่มีการฆ่าตัดตอน วันนี้ก็ยังไม่พอใจยังมีการพูดเรื่อยๆ

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า มีคดีเดียวที่ตำรวจกระทำผิดคือสายสืบ สน.บางชัน จับยาบ้าได้ 6,000 เม็ดตามคนร้ายมาถึงสะพานขาวและมีการยิงรถทำให้กระสุนแฉลบถูก “น้องฟลุ๊ก” ที่คอและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ก็มีการจับกุมตำรวจส่งศาลตัดสินให้มีความผิดจำคุก 1 ปี รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท ศาลให้เหตุผลว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่ไม่มีเจตนาฆ่า แต่ไม่จบวันนี้ยังพูดเรื่องฆ่าตัดตอน

“ผมบอกว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เขาเก่ง มีการบูรณาการกำลัง บูรณาการการข่าว ก็มีการจับกุมได้ตลอด ผมบอกว่าไอ้ลูกพี่มันกำลังเอาแล้ว ไอ้ลูกน้องหักหลังเป็นสายตำรวจไหม วันนี้พวกที่ดูทีวีอยู่ที่บ้านฟังผม ตอนนี้กำลังจะมีการฆ่าตัดตอนกันเอง พวกตำรวจ พวกผมไม่ทำ สมัย พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ทำ เรายึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม สื่อก็เอาใหญ่ ต้องช่วยกัน”

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือเวียนหมดให้ผู้ว่าราชการร่วมมือ ถ้าไม่ช่วยก็แก้ปัญหาไม่ได้ จะเสียชื่อตำรวจ 5 คน คือ 1. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 2. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 3. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 4. พ.ต.อ.สุชาติ อนันวงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ 5. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แล้วตำรวจจะเอาหน้าไว้ที่ไหนถ้าไม่ร่วม ได้บอกให้ผู้บังคับการภูธรกับผู้ว่าให้ลงพื้นที่เยี่ยมกำนันผู้ใหญ่บ้าน

“ทุกวันอังคารนายกรัฐมนตรีจะถามถึงการปราบปรามยาเสพติดอยู่ตลอด ดังนั้น ขอให้ปรบมือให้นายกรัฐมนตรีผู้หญิงดังๆ หน่อยครับ ถามทุกวันทำให้ผมอยู่เฉยไม่ได้ จึงต้องลงพื้นที่ ตลอดและวันนี้จะลงพื้นที่อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร ผมไปอีสานนายยงยุทธไปใต้ ช่วยกันทำงานและถือเป็นผลงานของพี่น้องประชาชนเป็นพลังแผ่นดิน และขอบคุณผู้บัญชาการทหารบกที่นำรั้วลวดหนามไปวางแถวแม่น้ำสาย ทำให้สกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดได้”

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนขอบอกต่อหน้านายกรัฐมนตรีว่าถ้าจะย้ายตำรวจระดับกองกำกับ ฝากให้ดูความเหมาะสม เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับของจังหวัดเชียงรายทำงานดี ขณะนี้ทางแม่สาย 1 เริ่มรู้ตัวและย้ายมาแม่สาย 2 ตนบอกว่าการปราบปรามต้องปิดตะเข็บชายแดนให้ได้ สกัดสารตั้งต้น วันนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการหลังจากที่ตำรวจที่เชียงแสนจับได้ 5.5 ล้านเม็ด ถ้าหลุดกลับมาเป็นยาบ้า 15 ล้านเม็ด ถือว่าโชคดีและตำรวจแถวนั้นเขาเก่ง

“อยากกราบเรียนนายกฯ ว่าตำรวจขอบรรจุปีนี้ 5,000 คน เอาเด็กเกิน 18 ปี ล่ำสันบึกบึน นำกำลังส่วนนี้ฝึกอย่างหนักเพราะขณะนี้กำลังมันขาด ก.พ.บอกไม่ให้ ผมบอกตำรวจ ทหาร อย่าตัดกำลังคน”

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรีว่าวาระแห่งชาติมันไม่พอแล้วมันต้องเป็นวาระแห่งภูมิภาค ต้องมีหุ้นส่วนทางความคิด หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหา ต้องมีการหารือทวิภาคี พหุภาคี ตนเลยคิดยุทธการเปิดแผนยุทธการ ความร่วมมือสองฝั่งโขง ลาว เขมร จีนต้องช่วยกัน เพราะสหประชาชาติยังยกปัญหายาเสพติดร้ายแรงที่สุดของโลก และจะเน้นยุทธการปิดกั้นยาเสพติดพื้นที่ชายแดน และตัดวงจรการค้าในเรือนจำ

นอกจากนี้ยังคิดขึ้นมาอีก 3 ยุทธ์ คือ 1.ยุทธศาสตร์คือต้องตัดซัพพลายให้ได้ 2.ยุทธการ และ 3.ยุทธวิธี ทั้งนี้ตนจะเดินทางไปประเทศจีนวันที่ 15-17 ก.พ.นี้ และบอกตรงๆลำพังเราเพื่อนบ้านไม่ฟังต้องขอร้องจีนให้บังคับและทำได้ผลระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้พูดถึงสติ๊กเกอร์ติดรถ โดยเฉพาะสติ๊กเกอร์ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจจะตะเบ๊ะให้ผ่านโดยไม่มีการตรวจค้น จึงมีการลักลอบขนโดยใช้อุบายเหล่านี้

“คนถามว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่นานไหม ผมบอกไม่นาน 4 บวก 4 ปีบวก 4 ปีเป็น 12 ปี นานไม่นานไม่ทราบหากรัฐบาลไม่ทุจริตใครก็ทำอะไรไม่ได้ มีการพยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รัฐบาลไม่มีแนวคิด ส่วนใครคิดเรื่องของเขา ถ้าผิดกฎหมายก็ว่าไป รัฐบาลคิดเพียงแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเพราะเป็นนโยบายในการหาเสียง ยุทธการต่อไปคือการจัดระเบียบสังคม ยุทธการหมู่บ้านชุมชนเอาชนะยาเสพติด ทุกจังหวัดต้องทำนโยบายเหล่านี้ ปากหอยปากปูเอาอีกแล้ว ผมไม่เคยทุจริต มีข้อเดียวคือน่าหมั่นไส้ หรืออาจจะเสียงดังบ้าง เพราะเป็นครูฝึกคอมมานโดต้องเสียงดังฟังชัด หากจะนิ่มนวลเหมือนนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์คนก็บอกว่าเมียด่า มันสไตร์ใครมัน”

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรากำลังจะปรับปรุงเรือนจำเอาเขาบินโปรเจกต์ ตามด้วยคลองไผ่ พิษณุโลก และระยอง เอาพวกขาใหญ่ ขากลาง ขาเล็กมาขังรวมกัน เราจะมีมาตรการยึดทรัพย์โดยเด็ดขาด เอาจริง มีมาตรการต่อเนื่อง ผ่อนปรนผู้เสพเป็นผู้ป่วยให้คณะกรรมการกฤษฎีกายกร่างขึ้นมา อยากกราบเรียนนายกฯ ต้องให้งบประมาณ ป.ป.ส.กับตำรวจเพิ่มอีกหน่อย เพราะมันน้อยไป ที่ผ่านมาไม่กล้าบอกเพราะน้ำท่วม แต่ไม่ต้องจัดงบประมาณให้ตน หากไม่มีจะขอส่วนตัว

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนว่า ขอฟ้องออกอากาศและขอฟ้องนายกฯ พอตนกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ทำงานร่วมกันดี หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไปออกข่าวจะว่าจะย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งเป็นข่าวไร้สาระ ปัญญาทึบ เพราะคนจะย้ายได้มีคนเดียวคือนายกฯ ซึ่งไม่ใช่จะย้ายง่ายๆ และกรณีของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร.ก็สมัครใจมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เขียนให้ตนขัดแย้งตำรวจ แล้วต่อไปจะทำงานอย่างไร ทราบดีว่าหนังสือพิมพ์ในเครือนี้ไม่ชอบตน รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แต่ยิ่งเกลียดพวกเรายิ่งชนะการเลือกตั้ง ต้องกราบเรียนนายกฯไว้ตรงนี้ด้วย เดี๋ยวนายกฯ ไปอ่านเจอ คนอื่นเชื่อไม่เป็นไร แต่ถ้านายกฯ แอบเชื่อแย่เลย

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รัฐบาลทำการเปลี่ยนแปลงให้สังคม เราทำหลักกฎหมายให้ดีขึ้น เราดำเนินการถูกต้องชอบธรรม แต่มีพวกตาแดง คนจีนบอกพวกตาแดงคือพวกอิจฉา นายกฯตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการติดตามเว็บหมิ่น ตนดำเนินไปมาก แต่ไม่พูด เปิดเผยไม่ได้ มีข้อเดียวกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ “พวกผม” และพ.ต.ท.ทักษิณ มีความจงรักภักดี แล้วบอกว่าฟัง พ.ต.ท.ทักษิณต้องฟังไม่ฟังได้อย่างไร “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ” ก็บอกมา แต่ตนไม่ได้อำพรางอะไร