“เฉลิม” ร่วม “ประชา-เพรียวพันธ์-อธิบดีราชทัณฑ์” แถลงผลงาน 4 เดือนปราบยาเสพติด โวได้ยาบ้า 16 ล้านเม็ด ยาไอซ์ เกือบ 600 กิโลฯ เฮโรอีนอีก 200 กิโลฯ เตรียมยกระดับเป็นวาระภูมิภาค พร้อมคุยทวิภาคีทูตพม่าแก้ปัญหายาเสพติด ปูดเร็วๆ นี้แก๊งค้ายาจะฆ่าตัดตอนกันเองไม่เกี่ยวตำรวจ ย้ำรัฐบาลมือสะอาด ด้าน “ประชา” วอนผู้เสพเข้าบำบัดด่วน
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (4 ก.พ.) ภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการและมอบนโยบายเพื่อเน้นย้ำให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทั่วประเทศ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการป.ป.ส. พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีตนเป็นผอ.ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) มีการบูรณาการร่วมกัน และเป็นรัฐบาลชุดแรกที่เป็นตำรวจทั้งนั้นในการร่วมกันแก้ปัญหายาเสพติด โดยผลงานใน 4 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจและ ป.ป.ส.สามารถจับกุม ยาบ้า ได้จำนวน 16,490,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 596.35 กก. เฮโรอีน 200.9 กก. และกัญชา 3,455 กก. รวมถึงยึดทรัพย์ได้จำนวน 632,860,000 บาท ถือเป็นผลงานของตำรวจ และ ป.ป.ส.ที่ร่วมมือกับรัฐบาล แต่ตนอยากขอร้องให้สื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่าปล่อยให้รัฐบาลดำเนินการเพียงลำพัง อยากให้เขียนเชิญชวนประชาชนให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ของโลก เพราะจากการสำรวจของสหประชาชาติ มีคนติดยาเสพติดถึง 210 ล้านคน
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หลังจากวันที่ 17 ก.พ.ที่ตนเดินทางกลับจากประเทศจีนจะมีการประชุมกฎบัตรยาเสพติดอาเซียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติดทั้งสิ้น 6 ประเทศ เพื่อยกระดับการแก้ปัญหายาเสพติดให้เป็นวาระของภูมิภาค โดยทุกส่วนต้องร่วมมือกัน นอกจากนี้ทางเอกอัครราชทูตพม่าขอมาเยี่ยม ตนก็มีความยินดีที่จะหารือในระดับทวิภาคี โดยพม่าถือเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติการสกัดยาเสพติดจากฝั่งของพม่า ขณะที่ฝั่งไทยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จะร่วมมือกันเป็นรั้วลวดหนาม โดยมีตน พล.ต.อ.ประชา พล.ต.อ.อดุลย์ ลงพื้นที่ต่างๆ
ขณะที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จะตรวจความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็จะระวัดระวังดูแลในเรือนจำ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างเป็นระบบก็มีความมั่นใจว่าจะประคองสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดให้ดีขึ้นได้ และจะต้องดีขึ้นต่อไป นอกจากนี้จะขอร้องจีนให้ช่วยพูดกับประเทศที่เผยแพร่ยาเสพติดเพื่อเป็นการช่วยไทย ทั้งนี้ ยาเสพติดจะเข้าสู่ประเทศไทยตามแนวชายแดนภาคเหนือ 87% และชายแดนภาคอีสาน 13%
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจับกุมผู้ค้ารายย่อยจะเชื่อมโยงไปถึงตัวการใหญ่ได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยอมรับว่าขบวนการค้ายาเสพติดถือว่ายิ่งใหญ่ในโลกมีการเชื่อมโยงกันหลายประเทศ รวมถึงมีกำลังคนและกำลังทรัพย์ จึงต้องบูรณาการเรื่องการข่าวและกำลังของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถจับยาเสพติดล็อตใหญ่ได้ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะทำให้การจับกุมทำได้ยาก
ส่วนการจัดการปัญหาฆ่าตัดตอนนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นเรื่องลำบากเพราะเป็นการฆ่ากันเอง และไม่มีรู้ว่าใครเป็นลูกพี่ ลูกน้อง และการฆ่าตัดตอนผู้ค้ายาเสพติดด้วยกันจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีหน้าที่ในการปราบปรามป้องกันเท่านั้น
ด้าน พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีข้อมูลผู้ที่เสพยาเสพติดถึง 4 แสนคน ซึ่งนโยบายรัฐบาลถือว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้าสู่ระบบการบำบัด โดยขณะนี้มีเพียง 6 หมื่นราย ที่เข้าสู่การบำบัดซึ่งยังเหลืออีกจำนวนมาก จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ว่าใครที่มีลูกหลานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องเสพยาเสพติดขอเชิญชวนเข้าสู่การบำบัด โดยให้แจ้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธร เพื่อเข้ารับการรักษา โดยทุกคนที่เข้ารับการรักษาจะไม่มีความผิดใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้ไม่มีกำหนดระยะเวลาในการรับการรักษา
