ผ่าประเด็นร้อน
ความเห็นของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เจ้าของพรรคชาติพัฒนา ที่บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่ หลังจากเดือนพฤษภาคมปีหน้าเป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าเป็นช่วงที่พวกที่ติดอยู่ในบ้านเลขที่ 111 ได้หลุดออกมา
อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ระบุโดยตรงว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะหมายรวมถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยหรือไม่ รวมไปถึงการหยอดตบท้ายว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีก็ตาม แต่มันก็ซ่อนความหมายทำให้คิดไปต่างๆ นานา
คำเห็นที่แสดงความมั่นใจของสุวัจน์ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะเมื่อพิจารณาจากเส้นทางและประสบการณ์ทางการเมืองก็ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” ถือว่ามีความ “เขี้ยว” ทางการเมืองขั้นสูงสุดคนหนึ่ง
ที่ผ่านมาหากทบทวนย้อนกลับไปก็จะพบความจริงว่า คนอย่างสุวัจน์ น้อยครั้งที่จะไปนั่งเป็นฝ่ายค้านให้อดอยากปากแห้ง แม้กระทั่งถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านเลขที่ 111 แต่เขาก็ยังสามารถดิ้นรนจนเข้าร่วมรัฐบาล เป็นส่วนหนึ่งของอำนาจรัฐจนได้ และมีบทบาทแฝงอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี เมื่อหันกลับมาพิจารณาถึงคำพูดและแบ็กกราวด์ของคนพูดดังกล่าว อีกทั้งเมื่อนำมาประมวลกับความเป็นจริงในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของรัฐบาล มันก็ทำให้เห็นคล้อยตามได้เหมือนกัน
เมื่อพิจารณาตามสถานการณ์จริงในเวลานี้ต้องบอกว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังอยู่ในภาวะถดถอย โดยเฉพาะ “ภาวะผู้นำ” ของยิ่งลักษณ์ กำลังเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ ซึ่งความเสื่อมดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งที่มีทุกอย่างอยู่มืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่อยังมีปัญหา ยังไม่อาจขยับขับเคลื่อนได้อย่างปกติ มันก็ทำให้ชาวบ้านและสังคมทั่วไปต้องหันมาพิจารณาและตั้งคำถามกันว่า เธอล้มเหลวทางด้านสติปัญญาส่วนตัวหรือไม่
หากไม่ปฏิเสธความเป็นจริงก็ต้องไม่มีข้อโต้แย้งว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความพร้อม ไม่มีความรู้เพียงพอสำหรับนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเลยแม้แต่น้อย และยิ่งในสถานการณ์ที่วิกฤติชาวบ้านต้องเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมทุกหย่อมหญ้าแบบนี้ทำให้ต้องได้เห็น “ความจริงที่ซ่อนอยู่” ภายในอย่างรวดเร็ว
ภาวะที่ล้มเหลวของยิ่งลักษณ์ เชื่อว่าแม้แต่พวกเดียวกันในพรรคเพื่อไทย ก็ยังรู้สึกอึดอัด พูดไม่ออก และยังเชื่อว่าถ้าสถานการณ์ยังลากต่อไปแบบนี้มันก็จะยิ่งหนักหนาสาหัสไปกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่
เพราะสิ่งที่ต้องพบเจอก็คือ สถานการณ์น้ำท่วมที่เป็นอยู่ในตอนนี้หากบอกว่าหนักหนาสาหัสจนแทบจะทนทานไม่ไหวแล้ว แต่หลังจากนี้ในสถานการณ์น้ำลดปัญหาจะยิ่งหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า ปัญหาในเรื่องว่างงาน ของแพง การประท้วง การปล้นสะดมจะเกิดขึ้นถี่ยิบ ซึ่งสังคมรับรู้และคาดหมายกันไว้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว
หากบอกว่าการรับมือ และบริหารจัดการของยิ่งลักษณ์ ในปัจจุบันห่วยแตกอย่างไม่คาดหมายแบบนี้ เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ในอนาคตที่กำลังประดังเข้ามา เชื่อว่า “เธอเอาไม่อยู่” แน่นอน และด้วยความจริงดังกล่าวนี่เองที่ทำให้มีเสียงพูดถึงเป็นการภายในและได้ยินออกมาข้างนอกว่า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัว นายกรัฐมนตรี จากยิ่งลักษณ์ เป็นคนอื่นดังขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เมื่อนำมาพิจารณาความเห็นประกอบของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่มีประสบการณ์ทางการเมืองระดับไม่ธรรมดา มักมีข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจ การที่บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่หลังเดือนพฤษภาคมปีหน้า โดยมีตัวแปรจากพวกบ้านเลขที่ 111 เข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม แต่คำถามก็คือสถานการณ์ที่เป็นลบแบบนี้จะทำให้ยิ่งลักษณ์ลากยื้อไปอีกได้นานแค่ไหน เพราะตอนนี้หนักหนาสาหัสเกินกว่าทานไหวแล้ว
หากพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว แม้จะรับรู้ค่อนข้างแน่ว่ายิ่งลักษณ์เอาไม่อยู่ และต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่ แต่ปัญหาก็คือมันต้องขึ้นอยู่กับ “เจ้าของ” นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะชี้นิ้วสั่งการให้ใครเข้ามาแทน ซึ่งก็ต้องพิจารณาถึงเรื่อง “ความไว้วางใจ” เป็นสำคัญ และปัญหาที่กำลังเป็นอยู่ก็คือ “มีตัวเลือกจำกัด” บางคนที่อาสาเอาหน้ากลับไว้ใจไม่ได้เสียอีก แต่หากให้น้องสาวตัวเองยื้อต่อไป ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง กระทบต่อแผนการใหญ่ในวันหน้า ความหมายก็คือถ้ารัฐบาลโชว์ผลงานได้ห่วยแตก มันก็ทำให้การขอใช้อภิสิทธิ์เอาเปรียบคนอื่นทำได้ยาก และที่สำคัญอาจทำให้สร้างกระแสความไม่พอใจจากสังคมจนพลิกผันก็เป็นไปได้เหมือนกัน
ดังนั้นถ้าให้สรุปจากสถานการณ์ จากความไม่เอาไหนของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งปัจจุบันต่อเนื่องไปถึงอนาคตก็ต้องพิจารณาได้ว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นแน่ โดยเฉพาะหลังปีใหม่ ส่วนจะลากไปได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการกัดฟันของ ยิ่งลักษณ์ ว่าอดทนได้นานแค่ไหน แต่รับรองว่าหากปล่อยให้ทอดนานออกไป จะ “ยิ่งเละ” แน่นอน!!