xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” สั่งถอย สถานการณ์ที่ผิดคาด-ต้องประเมินใหม่!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

แม้ว่าจะมีหลายสาเหตุที่ ทักษิณ ชินวัตร ต้องสั่งถอยไม่ขอรับประโยชน์จากพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ฉบับปี พ.ศ. 2554 ในวันมหามงคลเดือนธันวาคม ซึ่งรายละเอียดทั้งในเรื่องข้อความในจดหมายที่ส่งมาจากดูไบเพื่อแสดงท่าทีดังกล่าว รวมไปถึงการออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ ยืนยันอย่างชัดเจนของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอกว่าจะใช้ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับเดิมคือฉบับปี พ.ศ. 2553 ในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่มีการแก้ไขข้อความ

นั่นคือครอบคลุมห้ามคนที่ต้องคดียาเสพติด และคดีคอร์รัปชัน และที่สำคัญเมื่อได้รับการยืนยันจากปากของ พล.ต.อ.ประชา ก็คือคนที่มีสิทธิได้รับพระราชทานอภัยโทษจะต้องได้รับโทษหรือ “ติดคุก” เสียก่อน

ให้ “สัญญาประชาคม” ว่า ทักษิณจะไม่ได้ประโยชน์ จากพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษที่กำลังจะมีขึ้นในปีนี้ หากผิดเพี้ยนไปจากนี้มีหวัง “จมดิน” แน่

อย่างไรก็ดี แม้ว่ายังมีหลายคนยังไม่วางใจกับคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะที่ผ่านมาถือว่า “เหลี่ยมจัด” เชื่อถือไม่ค่อยได้ พูดอย่างทำอย่างก็ตาม แต่คราวนี้หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นการ “ส่งสัญญาณถอย” จริง ส่วนจะเป็นเพราะสาเหตุใดนั้นค่อยมาว่ากันทีละประเด็น รวมไปถึงเป้าหมายหลักที่ต้องการคืออะไรกันแน่ก็ต้องติดตามอย่างกระชั้นชิด

ประเด็นแรกที่ต้องสั่งถอยกรูดเป็นเพราะไม่คาดคิดว่า “พลังคัดค้าน” จะมากมาย และ “แรงขึ้น” อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “เอาเปรียบ” คนอื่น ไม่ยอมติดคุก หนีคดี ไม่ยอมสำนึกผิด ไม่ยอมรับอำนาจศาล เคยพูดจาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กลับจะคิดใช้อำนาจรัฐที่ตัวเองมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังมาใช้เป็นเครื่องมือลบล้างความผิดของตัวเอง คิดจะใช้ทางลัดหาผลประโยชน์

เรื่องแบบนี้สามารถสร้างอารมณ์ร่วมจากสังคมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะว่าไปแล้วอารมณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งขายหุ้นชิน 7.6 หมื่นล้านบาท โดยไม่ยอมเสียภาษีสักบาท จนกระแสต่อต้านทำลายศรัทธาลงอย่างฮวบฮาบและนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด

คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน กระแสอารมณ์ร่วมเริ่มพุ่งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และน่าจะเร็วกว่าคราวก่อน เป็นเพราะมีชาวบ้านที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของทักษิณมากขึ้นนั่นเอง ถ้ายังดันทุรังเดินหน้าแบบ “หน้าด้าน” รับรองว่าพังกันทั้งขบวนแน่

แม้ว่าอีกมุมหนึ่งมีหลายคนมองว่า การเสนอพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษดังกล่าวเป็นการ “โยนหินถามทาง” เป็นการหยั่งกระแส หมายความว่าในช่วงชุลมุนแบบนี้ถ้าสามารถอาศัย “ลูกมั่ว” งุบงิบทำให้ผ่านไปได้ก็ตาม เพราะในความเป็นจริงมันยังมีอีกหลายขั้นตอน และไม่มีทางเป็นความลับ เรื่องต้องแดงขึ้นมาจนได้ ดีไม่ดีอารมณ์โกรธของชาวบ้านจะยิ่งพุ่งสูงขึ้น มีแต่ภาพลบ

ขณะเดียวกันถ้าพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมา การสั่งถอยของ ทักษิณ เที่ยวนี้เป็นเพราะสาเหตุสำคัญมาจาก ผลงานอันห่วยแตกของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตัวเอง ที่ทำผลงานได้ “ห่วยแตก” อย่างไม่น่าเชื่อว่า ประเทศไทยจะมีผู้นำ มีนายกรัฐมนตรีที่มีสติปัญญาได้แค่นี้ ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นได้ “ประจาน” ผลงานได้ดีจนไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรมากมาย

ผลงานดังกล่าวนี่เองที่สร้างผลกระทบต่อไปถึง ทักษิณ ชินวัตร เข้าไปเต็มๆ เพราะเขาเป็น “เจ้าของ” เป็นคนผลักดัน น้องสาวของตัวเองเข้ามาเอง คัดเลือกบรรดารัฐมนตรีแต่ละคนเข้ามาด้วยตัวเอง เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็นเขาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งความรู้สึกด้านลบจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังน้ำลด

เมื่อผลงานไม่น่าประทับใจ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงถิ่นเสื้อแดงเป็นหลัก แม้ว่ายังมีไม่น้อยที่ยังหลงใหล แต่คนเราเมื่อจมอยู่ในความเดือดร้อนนานๆมันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังอาศัยช่วงชุลมุนคนอื่นเขากำลังเดือดร้อน แต่ตัวเองคิดแต่จะหาประโยชน์เอาตัวรอดอยู่คนเดียวมันก็ยิ่งยั่วอารมณ์โกรธเป็นทวีคูณ และนี่อาจเป็นสาเหตุหลักอีกอย่างหนึ่งที่ต้องรีบสั่งถอย ไม่ขอรับประโยชน์จากพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะถ้าขืนดันทุรังมันก็มีโอกาสทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ล้มคว่ำลงได้ ต้องนับหนึ่งกันใหม่

นอกจากนี้ หากไม่รีบถอยกลับมาประเมินใหม่ อาจส่งผลกระทบถึง “การใหญ่” ในอนาคตข้างหน้านั่นคือการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเชื่อว่าเป็นความหวังสุดท้าย ที่เขาต้องดำเนินการเป็นแพกเกจ นั่นคือพ่วงบทเฉพาะกาลลบล้างความผิดพร้อมกันในคราวเดียวกัน และถ้าทำได้สำเร็จก็มีโอกาสกลับมาลงสนามการเมืองได้อีกรอบ แต่ปัญหาก็คือถ้า ยิ่งลักษณ์ และบรรดารัฐมนตรียังทำงานกันแบบไร้ปัญญาอย่างที่เห็นมันก็น่าหนักใจ!!
ทักษิณ ชินวัตร
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก
กำลังโหลดความคิดเห็น