ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเชือดเดี่ยว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือศปภ.เปิดฉากซักฟอกตลอดทั้งวันอาทิตย์ที่27 พ.ย.
ดูการอภิปรายในช่วงกลางวันยังไม่มีอะไรเสียว เวลาถูกเผาไปกับการประท้วงจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สาระเนื้อหาในประเด็นการอภิปรายพล.ต.อ.ประชาที่ฝ่ายค้านจะเจาะทะลวงให้เห็นถึงการบริหารงานที่ล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ และการทุจริตของรัฐบาลอย่างไร จึงยังไม่มีการพูดออกมาชัดๆเนื้อๆอย่างต่อเนื่อง เพราะถูกขัดจังหวะจากการลุกขึ้นมาทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นประเด็นของส.ส.ตลอดทั้งวัน
อย่างไรก็ตาม อินทรีอีสาน-ประชา พรหมนอก ก็โดนนวดไปหลายดอกจนหน้าตาซีดเซียวไปเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่ส.ส.ปชป.เรียกร้องให้ลาออกเพื่อไถ่บาปทำให้คนตายจากเหตุน้ำท่วม
การซักฟอกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ ถือว่าเวลามาถึงเร็วกว่าปกติที่ฝ่ายค้านต้องให้โอกาสรัฐบาลบริหารมาระยะหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องลุล่วงไปสักครึ่งปี แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เพิ่งเข้ามานั่งบริหารประเทศได้แค่ 4 เดือนเศษ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เพราะกว่าจะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจอีกทีก็ปลายปีหน้าโน่น วันนี้เมื่อลูกเข้าทางก็ขอซัดแก้บนไปเสียเลย
เนื่องจากรัฐบาลเองที่เปิดปลายคางให้ฝ่ายค้านเห็นช่องโหว่ หลังเกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ทุจริตถุงยังชีพ เป็นจังหวะให้ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก พร้อมพ่วงการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมที่ล้มเหลว แถมติดปลายนวมด้วยเรื่องพ.ร.ฎ.อภัยโทษ
ทั้งหมดทั้งปวงประจวบเหมาะไปที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยซวยโดยบังเอิญ!
แต่เป้าหมายบุคคลหลักๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์พุ่งเป้าชำแหละ คือ ยิ่งลักษณ์-ประชา-ยงยุทธ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือเป้าหมายหลักที่ต้องกระแทกกระทั้นให้เสียศูนย์ หลังจากก่อนหน้านี้โอนเอนไปตามกระแสน้ำ กระแสนิยมวูบลงไปอย่างน่าใจหาย โดนจัดหนักฟาดไปที่การบริหารงานที่อ่อนด้อย ไร้ภาวะผู้นำ ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ล่าช้า ตีซ้ำขย้ำแผลตัดกระแสนิยมให้รัฐบาลเสื่อมทรุดเร็วขึ้น
ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย เป็นอีกคนหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จ้องชำแหละฟาดชิ่งให้เละคาเขียง หลังมีเอี่ยวเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตถุงยังชีพ ซึ่งเป็นเรื่องที่นำมาอภิปรายเป็นวาระหลัก
ข้อมูลแหลมๆ คมๆ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตกอยู่ในมือฝ่ายค้านหมดแล้ว แม้แต่คนในรัฐบาล อย่างร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ยังออกมารับว่าข้อมูลกระจายไปหมดแล้ว บอกให้เตรียมรับมือกันให้ดี
แต่งานนี้ "เหลิม บางบอน" พลิ้วหลบไปก่อนแล้ว โยนให้ยงยุทธ-ประชาไปเคลียหน้าเสื่อกันเอง
เฉลิมเข้ามาช่วยในเวทีซักฟอกพอเป็นพิธี ช่วยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เรื่องอภัยโทษ นิรโทษเท่านั้น ส่วนเรื่องทุจริตถุงยังชีพ การแต่งตั้งส.ส.เข้ามารับตำแหน่งราชการ “เหลิม” บอกตัวใครตัวมันฉันไม่เกี่ยว นั่งอยู่บนภูรอดูขุนพลตัวหลักโดนถล่มดีกว่า
เพราะในขณะที่คนอื่นมอมแมม ตัวเองก็จะโดดเด่นขึ้นมา ใช่-ไม่ใช่?
กระนั้นก็ตาม เมื่อโฟกัสไปที่การเดินเกมของฝ่ายค้านแล้ว จะเห็นเพียงพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่กระเหี้ยนกระหือรือ จ้องหาทางถล่มรัฐบาลทุกครั้งที่มีโอกาส เมื่อรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำสำลักน้ำ ก็แทงหนังสือขอยื่นซักฟอกกระทืบซ้ำทันที โดยไม่ทันได้ปรึกษาพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเป็นกิจลักษณะ ไม่มีการประชุมหาริือกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เหมือนเดินเกมคนเดียวลำพัง ไร้เอกภาพ
พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ก็ออกมาบ่นกันขรม จวกพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำอะไรไม่เคยปรึกษา เห็นพรรคอื่นๆ เป็นเพียงตัวประกอบเสียงจิ๊บจ๊อย
พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ถูกจับตาถึงท่าทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ หลังจากหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ภูมิใจไทย กำลังหาจังหวะรอเสียบเข้าร่วมรัฐบาล จึงทำตัววางเฉย ค้านไม่เต็มกำลังตลอดมา หลายเรื่องก็เออออห่อหมกเห็นดีเห็นงามกับรัฐบาล
ด้วยเหตุนี้กระมังพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่อยากเสียเวลามาชักชวน เพราะไม่รู้ว่าจะเอาไงแน่ เวลายื่นญัตติก็เหลือไม่มาก ดังนั้นลุยยื่นเองพรรคเดียวไปเลยดีกว่าในเมื่อเสียงก็พออยู่แล้ว
พรรคภูมิใจไทยจึงได้ทีออกมาอ้างเหตุผลว่าไม่รู้เรื่อง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มาร่วมหารือ จึงไม่ร่วมลงชื่อในญัตติครั้งนี้ เนียนไปได้แบบสบายใจ เพราะถ้าพรรคประชาธิปัตย์มาหารืออย่างจริงจัง คำตอบทีี่ออกมาอาจไม่ต่างกัน ซึ่งนั่นจะทำให้ ภูมิใจไทย หาเหตุผลแก้ตัวลำบากว่าไม่ร่วมลงชื่อเพราะอะไร คอการเมืองคงเชื่อเหตุผลอื่นลำบาก นอกจากรอเสียบเป็นรัฐบาล
หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีกำหนดลงคะแนนในเช้าวันจันทร์นี้(28 พ.ย.)ก็เชื่อว่าคะแนนไม่ไว้วางใจพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก คงไม่เยอะเท่าไหร่ พรรคภูมิใจไทยคงงดออกเสียง สงวนท่าที หวังฟลุ๊กรอเสียบเป็นรัฐบาลในอนาคต
ส่วนคะแนนไว้วางใจของรัฐบาล ก็น่าสนใจเหลือเกิน หากปล่อยให้ส.ส.ฟรีโหวตไปตามเนื้อผ้า ไม่แน่ใจว่าเสียงไว้วางใจของพล.ต.อ.ประชาอาจจะออกมาขี้เหร่ก็ได้ เพราะเป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่ดูดซับแรงกระแทกของทั้งรัฐบาล ส.ส.หลายคนก็มีความคิดเหมือนกันว่า
ปล่อยให้จมเท้าไปคนเดียว เพื่อช่วยรัฐบาล ช่วยพรรค ช่วยเสื้อแดง ทั้งพวงดีกว่า
ด้วยสภาพการที่รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำ เกิดวิกฤติศรัทธาในคะแนนนิยม จำเป็นต้องหาตัวช่วยมาแฮร์คัทตัดตอน หาแพะมาบูชายัญ พล.ต.อ.ประชาอาจจำต้องกลายเป็นเบี้ยบนหมากกระดานที่ต้องเอาไปแลกเพื่อรักษาขุน
"บิ๊กผิว" ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ไม่ได้สร้างกลุ่มก๊วนอะไรจนใหญ่โตเหมือนนักการเมืองยุคเก่าก่อนในพรรคไทยรักไทย พลังหนุน พาวเวอร์ในตัวเองจึงไม่มี ส.ส. และ คนในพรรคพร้อมเขี่ยทิ้งไปตลอดเวลา
แม้เป็นขุนพลระดับแนวหน้าในแถว 3 ยามที่ตัวจริงติดล็อกพันธนาการทางการเมือง แต่อีกไม่นานบ้านเลขที่ 111 ก็จะกลับมาแล้ว การตัดสินใจปรับครม. โดยเอา "บิ๊กผิว" กลับไปเลี้ยงหลานพลางๆ ก่อน เพื่อเซ่นสังเวยความผิดพลาดโดยรวมของรัฐบาลย่อมเป็นทางเลือกที่ไม่เลว
กระนั้นก็ตาม ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญานายใหญ่ดูไบ คงต้องให้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปได้เปลาะหนึ่งก่อน จำเป็นต้องสั่งการให้ส.ส.ยกมือโหวตไว้วางใจ ห้ามแตกแถวเด็ดขาด มิฉะนั้นผลเสียโดยรวมจะตกถึงรัฐบาล แม้กระแสสังคมจะตัดสินว่าล้มเหลวก็ตาม
จากนั้นค่อยมาคิดอ่านปรับปรุงแก้ไขด้วยการปรับครม.ภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้าสักครั้งหนึ่ง ตกลงกับพล.ต.อ.ประชาให้ยอมเสียสละเพื่อรักษาชีวิตของรัฐบาล ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าการเจรจาจะลงเอยด้วยดีหรือไม่ หรือพล.ต.อ.ประชาจะออกมาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาจนเสียกระบวนกันไปเอง
หลังการอภิปราย หากฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์ออกหมัดได้เข้าเป้า เข้าตาประชาชน นายใหญ่ย่อมไม่อาจวางเฉยปล่อยให้รัฐบาลเสียคะแนน แล้วง่อยเปลี้ยเสียขาอยู่อย่างนั้น จำต้องปรับแก้ ปรับปรุงภาพลักษณ์ รีแบรนด์ดิ้งขึ้นมาใหม่ ประคับประคองให้รัฐนาวายิ่งลักษณ์ ยืนต้านทานกระแสลมได้ต่อไป จนกว่าตัวจริงในบ้านเลขที่ 111 จะกลับมาช่วยเหลืออย่างเต็มไม้เต็มมือ ในช่วงกลางปีหน้า
การปรับครม.ที่จะถึงนี้ อาจไม่เพียงเฉพาะพล.ต.อ.ประชาคนเดียวที่ต้องเซ่นสังเวย อาจมีใครอื่นอีกหลายคนต้องรับชะตากรรม สลับปรับย้าย ทั้งนี้ก็เพื่อตัดอวัยวะรักษาชีวิต ทำอย่างไรก็ได้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปก่อน
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้ทู่ซี้เดินหน้าทำตามความเชื่อมั่นของตัวเองโดยไม่แคร์กระแสสังคม ต้องเดินหมากนี้ในยามที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งที่มาจากฐานมวลชนของ “กลุ่มคนหลงทักษิณ”ยังให้โอกาส