ก่อนศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์จะระเบิด ฝ่ายค้านพรรค“เพื่อไทย”ออกมาโหมโรงถือโอกาสใช้วาระการพิจารณร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี2554 หรือ “งบกลางปี” ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรในวันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ เป็นเวที อุ่นเครื่อง
ด้วยการระดมขุมพลของพรรครวมถึงพวกส.ส.แถวสองที่จะขอแจ้งเกิดก่อนการเลือกตั้ง ขึ้นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันชำแหละงบกลางปี 54 วงเงิน 1.167 แสนล้านบาท
ที่กระทรวงการคลังชงเข้าครม.เห็นชอบไปเมื่อ24 มกราคมที่ผ่านมา โดยเงินดังกล่าวแยกเป็น 3 กรอบคือ
1.ชดเชยเงินคงคลัง 8.4 หมื่นล้านบาท 2.จัดสรรงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 6,000 ล้านบาท และ3.ช่วยเหลือฟื้นฟูประเทศและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยและวาตภัยในช่วงที่ผ่านมา 1 หมื่นล้านบาท
ไฮไลท์สำคัญของเวทีพิจารณางบกลางปี 54 คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยประกาศ ขอเป็นตัวหลักในการอภิปรายรอบนี้ ขณะที่ตัวประกอบอื่นๆ ก็มีเช่น
สุนัย จุลพงษธร,น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ,สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล,ชวลิต วิชยสุทธิ์ และอีกหนึ่งตัวหลักคือมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ก็จะใช้โอกาสนี้อภิปรายเรียกน้ำย่อยด้วย
น่าเชื่อว่า “เหลิม” คงโชว์ทีเด็ดเต็มที่เพื่อประกาศศักดาให้ทักษิณ ชินวัตรและส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เห็นว่า ตัวเองเป็นของจริง อภิปรายทีใด ข้อมูลแน่น ลีลาเผ็ดร้อน อภิปรายแต่ละครั้ง รัฐมนตรีเรียงหน้ากันแย่งขึ้นชี้แจงชนิด “เหลิม”เพิ่งพูดจบยังไม่ทันหย่อนก้นลงเก้าอี้กันเลยทีเดียว
ดังนั้น ใครที่ไปหนุน “มิ่งขวัญ ”ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจแทนที่จะเป็น “เหลิม”นั่นเป็นการคิดผิดของพรรค
ข่าวว่า การอภิปรายงบกลางปี 54 คราวนี้ “เหลิม”เตรียมพร้อมมาเป็นพิเศษ เหตุเพราะต้องการข่ม “เจ๊มิ่ง”เชือดคู่แข่งทางการเมืองกันเลยทีเดียว รวมถึงสั่งสอนส.ส.ในกลุ่มมิ่งขวัญด้วย
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงให้ต้องเปลี่ยนใจกันเสียก่อน การขึ้นเวทีพร้อมกันของ “เฉลิม-มิ่งขวัญ”ในวันพุธนี้ ทั้งสองจะถูกจับตาอย่างมากจากส.ส.เพื่อไทย
ทีเด็ด-ลีลาอภิปรายของ “เหลิมแอนด์เจ๊มิ่ง” จะสมราคาหรือไม่ ต้องรอชม 16 ก.พ.นี้ และ “เหลิม”จะคงความขลังเดี่ยวไมโครโฟนข่ม “เจ๊มิ่ง”ได้หรือไม่? ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ด้าน “เหลิม”ออกมาอ้างว่าการจัดงบครั้งนี้ มีความไม่โปร่งใส ส่อทุจริตกระทรวงละ 25-30% ! เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่คุมโดยสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม ซึ่งมีส.ส. 5 คน ดูแลอยู่ ได้ไป 900 ล้านบาท แบ่งกันคนละ 200 ล้านบาท
แค่นั้นไม่พอ อ้างว่าจะอภิปรายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ได้ไป 1,600 ล้านบาท งานนี้ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯเด็กปั้นบรรหาร ศิลปอาชา คงต้องเตรียมข้อมูลมาโต้ให้พร้อม
รวมถึงการอ้างว่ากระทรวงศึกษาธิการก็แสบสันติสุขหากินกันทุกกรมกองได้ไปรวม 1,300 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย ส.ส.ของพรรคเจ้ากระทรวงได้ไปเฉลี่ยหัวละ 60 ล้านบาท
เฉลิมสรุปว่ามีการทุจริต 10% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็น 2 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูว่าข้อมูลของเฉลิมและส.ส.เพื่อไทย สังคมอยากเห็นว่ามันต้องแน่น อภิปรายแล้วเห็นภาพได้จริง ไม่ใช่แค่คิดเองพูดเอง หรือเอาข่าวหนังสือพิมพ์มาอภิปราย
รอบนี้ ในการอภิปรายเพื่อไทยต้องชี้ให้เห็นถึงการขาดวินัยทางการเงินการคลังของรัฐบาล หรือการท้วงติงการใช้งบไปในทางไม่ถูกต้องคือนำไปเพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองและมีการแบ้งเค้กหาผลประโยชน์กันในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อเป็นทุนก่อนการเลือกตั้ง และส่อว่าจะมีการทุจริตกันเกิดขึ้น
แต่หากใช้ลีลาแบบเดิมๆ อภิปรายแต่เรื่องเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ปัญหาไทย-กัมพูชา ออกมาไม่ตรงประเด็น ไม่เป็นโล้เป็นพายแบบนี้ รับรองว่า คนโห่ พอถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แทนที่จะเรียกความสนใจ กลับกลายเป็นว่า คนจะไม่ให้ราคา เลิกติดตาม
ขณะเดียวกัน ถ้าเพื่อไทย อภิปรายดี มีหลักการ แม่นในข้อมูลและความเป็นเหตุเป็นผล อภิปรายแล้ว สังคมเห็นด้วย ว่าการจัดงบกลางปี 54 ส่อไปในทางมิชอบ โดยเฉพาะพวกงบท้องถิ่นและงบช่วยเหลือน้ำท่วม ที่ใช้วิธีซอยงบเป็นโครงการย่อยๆ โดยไม่มีรายละเอียดการใช้งบ เพื่อไม่ให้วงเงินมากเกิน 10 ล้านบาทจะได้หลีกเลี่ยงไม่ถูกจับตามองมาก และเมื่อเอ็กซ์เรย์ไปจะพบว่าส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวในพื้นที่ของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเกือบทั้งสิ้น
หากอภิปรายหลักฐานดี –ข้อมูลแน่น มันก็จะเป็นหัวเชื้ออย่างดี ให้ประชาชนเกิดความสนใจติดตามไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะได้คิดกันว่า ขนาดอภิปรายงบกลางปี 54 ไม่ได้เป็นเรื่องการอภิปรายซักฟอกปมทุจริต ฝ่ายค้านยังไล่ถลุงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียตัวงอ
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสในการทำงานจริง คะแนนรัฐบาลที่มีภาพลักษณ์เรื่องทุจริตคอรัปชั่นสูงท่วมหัว จะยิ่งติดลบหนักขึ้นไปอีก แบบนี้เพื่อไทยก็โกยคะแนนใส่กระเป๋า
แต่ผลจะออกมาอย่างไร ยังยากจะคาดเดา เพราะฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล ที่พอรู้ข่าวว่ากระทรวงตัวเองจะโดนล่อเป้า ก็คงเตรียมพร้อมมาอย่างดี แบบตั้งรับแล้วรอสวนกลับ เอาให้เพื่อไทยหงายหลัง ถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะได้เก็งกันไปทั้งพรรค อภิปรายกันไม่ออก
ขณะเดียวกัน แม้จะมีการพิจารณาเห็นชอบพรบ.งบกลางปี 54 แล้ว ก็เชื่อได้ว่า “อภิสิทธิ์” คงพยุงเวลาอีกสักพักในการยุบสภา เพราะเงื่อนไขหลายอย่างยังติดขัด
เช่น หากชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องให้ส่งศาลรธน.ตีความกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้กระบวนการประกาศประกาศใช้รัฐธรรมนูญล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์ แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่าเป็นไปได้ที่ “ประธานชัย”จะไม่ส่งเรื่องให้ศาลรธน.ตีความ แต่ของแบบนี้มันก็ยังไม่แน่
อีกทั้งก็เห็นได้ชัดว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อย่างบรรหาร ศิลปอาชาจากชาติไทยพัฒนาและชวรัตน์ ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย ก็ไม่เห็นด้วยหากจะยุบสภาตอนนี้ โดยการอ้างว่าสถานการณ์ในประเทศและบริเวณชายแดนไม่สงบ
แต่ลึกๆ แล้วคงเพราะต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดนั่นเอง
ด้วยการระดมขุมพลของพรรครวมถึงพวกส.ส.แถวสองที่จะขอแจ้งเกิดก่อนการเลือกตั้ง ขึ้นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันชำแหละงบกลางปี 54 วงเงิน 1.167 แสนล้านบาท
ที่กระทรวงการคลังชงเข้าครม.เห็นชอบไปเมื่อ24 มกราคมที่ผ่านมา โดยเงินดังกล่าวแยกเป็น 3 กรอบคือ
1.ชดเชยเงินคงคลัง 8.4 หมื่นล้านบาท 2.จัดสรรงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 6,000 ล้านบาท และ3.ช่วยเหลือฟื้นฟูประเทศและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยและวาตภัยในช่วงที่ผ่านมา 1 หมื่นล้านบาท
ไฮไลท์สำคัญของเวทีพิจารณางบกลางปี 54 คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยประกาศ ขอเป็นตัวหลักในการอภิปรายรอบนี้ ขณะที่ตัวประกอบอื่นๆ ก็มีเช่น
สุนัย จุลพงษธร,น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ,สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล,ชวลิต วิชยสุทธิ์ และอีกหนึ่งตัวหลักคือมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ก็จะใช้โอกาสนี้อภิปรายเรียกน้ำย่อยด้วย
น่าเชื่อว่า “เหลิม” คงโชว์ทีเด็ดเต็มที่เพื่อประกาศศักดาให้ทักษิณ ชินวัตรและส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เห็นว่า ตัวเองเป็นของจริง อภิปรายทีใด ข้อมูลแน่น ลีลาเผ็ดร้อน อภิปรายแต่ละครั้ง รัฐมนตรีเรียงหน้ากันแย่งขึ้นชี้แจงชนิด “เหลิม”เพิ่งพูดจบยังไม่ทันหย่อนก้นลงเก้าอี้กันเลยทีเดียว
ดังนั้น ใครที่ไปหนุน “มิ่งขวัญ ”ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจแทนที่จะเป็น “เหลิม”นั่นเป็นการคิดผิดของพรรค
ข่าวว่า การอภิปรายงบกลางปี 54 คราวนี้ “เหลิม”เตรียมพร้อมมาเป็นพิเศษ เหตุเพราะต้องการข่ม “เจ๊มิ่ง”เชือดคู่แข่งทางการเมืองกันเลยทีเดียว รวมถึงสั่งสอนส.ส.ในกลุ่มมิ่งขวัญด้วย
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงให้ต้องเปลี่ยนใจกันเสียก่อน การขึ้นเวทีพร้อมกันของ “เฉลิม-มิ่งขวัญ”ในวันพุธนี้ ทั้งสองจะถูกจับตาอย่างมากจากส.ส.เพื่อไทย
ทีเด็ด-ลีลาอภิปรายของ “เหลิมแอนด์เจ๊มิ่ง” จะสมราคาหรือไม่ ต้องรอชม 16 ก.พ.นี้ และ “เหลิม”จะคงความขลังเดี่ยวไมโครโฟนข่ม “เจ๊มิ่ง”ได้หรือไม่? ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ด้าน “เหลิม”ออกมาอ้างว่าการจัดงบครั้งนี้ มีความไม่โปร่งใส ส่อทุจริตกระทรวงละ 25-30% ! เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่คุมโดยสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม ซึ่งมีส.ส. 5 คน ดูแลอยู่ ได้ไป 900 ล้านบาท แบ่งกันคนละ 200 ล้านบาท
แค่นั้นไม่พอ อ้างว่าจะอภิปรายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ได้ไป 1,600 ล้านบาท งานนี้ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯเด็กปั้นบรรหาร ศิลปอาชา คงต้องเตรียมข้อมูลมาโต้ให้พร้อม
รวมถึงการอ้างว่ากระทรวงศึกษาธิการก็แสบสันติสุขหากินกันทุกกรมกองได้ไปรวม 1,300 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย ส.ส.ของพรรคเจ้ากระทรวงได้ไปเฉลี่ยหัวละ 60 ล้านบาท
เฉลิมสรุปว่ามีการทุจริต 10% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็น 2 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูว่าข้อมูลของเฉลิมและส.ส.เพื่อไทย สังคมอยากเห็นว่ามันต้องแน่น อภิปรายแล้วเห็นภาพได้จริง ไม่ใช่แค่คิดเองพูดเอง หรือเอาข่าวหนังสือพิมพ์มาอภิปราย
รอบนี้ ในการอภิปรายเพื่อไทยต้องชี้ให้เห็นถึงการขาดวินัยทางการเงินการคลังของรัฐบาล หรือการท้วงติงการใช้งบไปในทางไม่ถูกต้องคือนำไปเพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองและมีการแบ้งเค้กหาผลประโยชน์กันในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อเป็นทุนก่อนการเลือกตั้ง และส่อว่าจะมีการทุจริตกันเกิดขึ้น
แต่หากใช้ลีลาแบบเดิมๆ อภิปรายแต่เรื่องเสื้อเหลือง-เสื้อแดง ปัญหาไทย-กัมพูชา ออกมาไม่ตรงประเด็น ไม่เป็นโล้เป็นพายแบบนี้ รับรองว่า คนโห่ พอถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แทนที่จะเรียกความสนใจ กลับกลายเป็นว่า คนจะไม่ให้ราคา เลิกติดตาม
ขณะเดียวกัน ถ้าเพื่อไทย อภิปรายดี มีหลักการ แม่นในข้อมูลและความเป็นเหตุเป็นผล อภิปรายแล้ว สังคมเห็นด้วย ว่าการจัดงบกลางปี 54 ส่อไปในทางมิชอบ โดยเฉพาะพวกงบท้องถิ่นและงบช่วยเหลือน้ำท่วม ที่ใช้วิธีซอยงบเป็นโครงการย่อยๆ โดยไม่มีรายละเอียดการใช้งบ เพื่อไม่ให้วงเงินมากเกิน 10 ล้านบาทจะได้หลีกเลี่ยงไม่ถูกจับตามองมาก และเมื่อเอ็กซ์เรย์ไปจะพบว่าส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวในพื้นที่ของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเกือบทั้งสิ้น
หากอภิปรายหลักฐานดี –ข้อมูลแน่น มันก็จะเป็นหัวเชื้ออย่างดี ให้ประชาชนเกิดความสนใจติดตามไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะได้คิดกันว่า ขนาดอภิปรายงบกลางปี 54 ไม่ได้เป็นเรื่องการอภิปรายซักฟอกปมทุจริต ฝ่ายค้านยังไล่ถลุงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียตัวงอ
แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสในการทำงานจริง คะแนนรัฐบาลที่มีภาพลักษณ์เรื่องทุจริตคอรัปชั่นสูงท่วมหัว จะยิ่งติดลบหนักขึ้นไปอีก แบบนี้เพื่อไทยก็โกยคะแนนใส่กระเป๋า
แต่ผลจะออกมาอย่างไร ยังยากจะคาดเดา เพราะฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล ที่พอรู้ข่าวว่ากระทรวงตัวเองจะโดนล่อเป้า ก็คงเตรียมพร้อมมาอย่างดี แบบตั้งรับแล้วรอสวนกลับ เอาให้เพื่อไทยหงายหลัง ถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจะได้เก็งกันไปทั้งพรรค อภิปรายกันไม่ออก
ขณะเดียวกัน แม้จะมีการพิจารณาเห็นชอบพรบ.งบกลางปี 54 แล้ว ก็เชื่อได้ว่า “อภิสิทธิ์” คงพยุงเวลาอีกสักพักในการยุบสภา เพราะเงื่อนไขหลายอย่างยังติดขัด
เช่น หากชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องให้ส่งศาลรธน.ตีความกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้กระบวนการประกาศประกาศใช้รัฐธรรมนูญล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์ แม้หลายฝ่ายจะประเมินว่าเป็นไปได้ที่ “ประธานชัย”จะไม่ส่งเรื่องให้ศาลรธน.ตีความ แต่ของแบบนี้มันก็ยังไม่แน่
อีกทั้งก็เห็นได้ชัดว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อย่างบรรหาร ศิลปอาชาจากชาติไทยพัฒนาและชวรัตน์ ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย ก็ไม่เห็นด้วยหากจะยุบสภาตอนนี้ โดยการอ้างว่าสถานการณ์ในประเทศและบริเวณชายแดนไม่สงบ
แต่ลึกๆ แล้วคงเพราะต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดนั่นเอง