กลายเป็นที่ฮือฮาจับตาของประชาชนคนไทย พระราชกฤษฎีกาพระราชอภัยโทษ ที่รัฐบาลงุบงิบทำกันเป็นเรื่องลับ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างบังเอิญแบบจงใจ
พลันที่เรื่องร้อนๆ นี้ ถูกนำมาตีแผ่ สังคมเริ่มตั้งข้อสงสัย ตั้งคำถามเชิงสาปแช่งรัฐบาล สับแหลกว่าเวลานี้ยังมีกะจิตกะใจแอบทำอะไรเพื่อคนคนเดียวโดยไม่ดูดำดูดีประชาชนที่กำลังตกระกำลำบากใช้ชีวิตอยู่กับน้ำเน่าอย่างนั้นหรือ
เสียงสาปแช่งดังอื้ออึงจากทั่วสารทิศ ไม่เว้นแม้กระทั่งชนชั้นกลาง คนที่เป็นกลางทางการเมืองยังรับไม่ได้กับการกระทำนี้ เพราะคนที่เลือกตั้งลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย เขาไม่ได้บอกว่าให้้เข้ามาช่วยเหลือคนคนเดียวซะเมื่อไหร่
เมื่อเห็นแล้วว่าต้านทานไม่ไหวแน่ จึงต้องติดเบรก กลับลำทันที พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษคดีทุจริตหลบหนีคุกอยู่ต่างประเทศ ร่อนจดหมายส่งสัญญาณถอย พร้อมสั่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ออกมาแถลงชี้แจงว่ารัฐบาลไม่เคยทำอะไรมุบมิบอย่างนั้น พร้อมย้ำว่าจะทำตามของเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์เคยร่างเอาไว้
โอละพ่อ! ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังโยนหินถามทาง แต่ถูกหยิบก้อนหินเขวี้ยงกลับมาใส่หัวปูด ต้องรีบถอยก่อนหัวจะแตก รัฐบาลกำลังกระแสวูบไปกับกระแสน้ำอยู่แล้ว จึงไม่อยากทำอะไรที่เป็นการซ้ำเติมให้โคม่าหนักขึ้นไปอีก
มิฉะนั้นรัฐบาลคงอายุไม่ยืด และพ.ต.ท.ทักษิณเองคงไม่อยู่อย่างสงบสุขเหมือนวันนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาลอีกมีหวังถูกไล่ล่าจนจิตตกเหมือนที่ผ่านมา
เรื่องล่อแหลมเสี่ยงถูกกระทืบจากกระแสสังคมนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทาสผู้ภักดีหลายคนของนายใหญ่พยายามคิดอ่านทำการมาตลอด แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าทำอะไรโฉ่งฉ่างกลัวภัยมาถึงตัว
และก็เป็น “เหลิม บางบอน” ที่เคยปวารณาตัวด้วยจิตใจแน่วแน่มาตลอดว่าจะต้องทำเรื่องเพื่อให้นายใหญ่พ้นผิด กลับประเทศไทยให้จงได้
เมื่อสบโอกาสคราวนี้ก็ออกมาฉวยจังหวะเดินเกมเร็วชนิดสุดโต่ง แต่ปรากฏว่าถูกจับได้ไล่ทันพร้อมกระแสต้านจากสังคม แผนล้มเหลวพังพาบ
จึงต้องกลับไปคิดอ่านใช้แผนพื้นฐาน ใช้วิธีการนิรโทษกรรม เดินเกมตามระบอบรัฐสภา ที่ตัวเองมีเสียงข้างมากตามเดิม
หากวันข้างหน้าคนในเครือข่ายรัฐบาลชุดก่อน คนในเครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ต้องโทษ ต้องคดีทางการเมือง กลายเป็นนักโทษบ้าง การเดินเกมนิรโทษคงง่ายขึ้น เนื่องเพราะนักการเมืองโดนกันทั้ง 2 ฝั่ง ก็อาจจะซูเอี๋ยล้างกระดานกันใหม่หมด
แต่ก็ต้องถามภาคประชาชนเขาดูก่อนเหมือนกันว่าจะยอมหรือเปล่า คำตอบคือคงไม่แน่ๆ
เรื่องอภัยโทษ นิรโทษกรรมนั้น “เหลิม” รับบทเป็นหัวหอกรับอาสาทำงานนี้มาตลอด ด้วยเพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้ทางด้านกฎหมายพอสมควร แต่บางทีบางครั้ง “เหลิม” อาจรู้ดีอยู่แล้วว่า เรื่องบางเรื่องทำไปก็ไม่สำเร็จ เรื่องบางอย่างทำไปก็ล้มเหลวแน่นอน ก็ยังดันทุรังทำไปจนบางทีคนก็ป้องปากนินทาว่า
“หลอกแดกนายใหญ่”
หากินกับแคมเปญเดิมๆ ไปเรื่อย ไม่รู้ว่ามีความจริงใจมากน้อยแค่ไหนที่จะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณให้กลับบ้านจริงๆ
ในขณะที่นายใหญ่ก็ดูเหมือนจะชอบบทบาทที่ “เหลิม” จัดให้ อย่างน้อยก็ยังรู้สึกดีว่ามีคนสานฝันกลับเมืองไทยให้กับตัวเอง พอให้ตื่นเต้นหัวใจไปวันๆ ดีกว่านั่งซังกระตายอย่างไร้ความหวัง
อย่างไรก็ดี การเดินเกมอภัยโทษครั้งนี้ พอรู้ว่าไปไม่ไหว กระแสต้านจนไม่สามารถเดินเกมต่อได้ “เหลิม” ก็ออกลูกพลิ้ว หลบฉากทันที พร้อมออกตัวว่าหน่วยงานที่ดูแลหลักๆ คือ กระทรวงยุติธรรม
เผือกเน่าๆ ร้อนๆ ถูกโยนไปยัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ทันที ต้องออกหน้ามาแก้ต่าง แก้ตัวแทนรัฐบาล แทน พ.ต.ท.ทักษิณ
และปลายเดือนนี้ “อินทรีอีสาน” จะต้องโดนฝ่ายค้านถล่มเต็มๆ จากญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยื่นซักฟอกและถอดถอน พล.ต.อ.ประชาเพียงผู้เดียว เรื่องการบริหารงานในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เรื่องราวฉาวโฉ่ทุจริตถุงยังชีพ ก็ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ยังต้่องมาเจอลูกติดพันจาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษอีก
ทุกวันนี้ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายเหมือนคนเป็นไข้หนัก เป็นรัฐมนตรีมือใหม่ ทำงานไม่ทันไรก็โดนซักฟอกเสียแล้ว ประชุม ครม.หนล่าสุด ถึงขั้นแหกปากถามหาตัวช่วยจ้าละหวั่น “ผมถูกซักฟอกคนเดียว ใครจะช่วยผมบ้าง” เหมือนเด็กออกอาการกระจองอแงอย่างไรอย่างนั้น
พร้อมออกปากยอมรับกลางที่ประชุม ครม.ว่าทำผิดพลาดเมื่อไปเซ็นคำสั่งแต่งตั้ง ส.ส.เข้ามาเป็นคณะทำงานใน ศปภ.ตามที่เลขาฯบ้องตื้นเสนอมา นี่คงเป็นอีกปมประเด็นหนึ่งที่ต้องโดนฝ่ายค้านถล่มไม่ยั้งแน่ หลังจากยื่นถอดถอน พล.ต.อ.ประชาพ่วงกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอีก 6 คน
หลายเรื่องหลายประเด็นของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประชา และภาพโดยรวมของรัฐบาล ซึ่งการทำงานของรัฐบาลผ่านมาแค่ 2 เดือนกว่า ยังไม่มีผลงานเชิงบริหารอะไรให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์โจมตีของฝ่ายค้านเท่าไรนัก นอกจากเรื่องร้อนๆ เกี่ยวกับการบริหารงานน้ำท่วม และเรื่อง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ
แน่นอนว่า คนที่บอบช้ำเป็นหนังหน้าไฟมากที่สุดย่อมเป็น พล.ต.อ.ประชา ที่ฝ่ายค้านจะเล่นเกมตีวัวกระทบคราดฟาดไปถึงตัวนายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ในปมปัญหาเรื่องน้ำท่วม
และเรื่องอภัยโทษ พล.ต.อ.ประชาก็จะต้องโดนจัดหนักอีกเช่นกัน หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกตัวพลิ้ว ตีกินแล้วชิ่งหนีไป เหมือนลอยแพให้ พล.ต.อ.ประชารับกรรมไปดื้อๆ
น่าสนใจว่า เมื่อการซักฟอกจบลงจะเกิดผลสะท้านสะเทือนต่อรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน หากฝ่ายค้านตีเข่าเขย่าแผลให้บอบช้ำจนบาดเจ็บเจียนตาย รัฐบาลอาจต้องเล่นบทตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
พล.ต.อ.ประชา อาจต้องถูกปรับออกจาก ครม. ออกไปนั่งเลี้ยงหลานพลางๆ ก่อน เพื่อบรรเทาอาการบอบช้ำของรัฐบาลอ่อนหัดชุดนี้ก็เป็นได้