ถุงยังชีพ...ใครอิ่ม ประชาชนหรือนักการเมือง

รายงานการเมือง
โดย เม้าท์ มาดแมน

การตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ดูเหมือนจะตั้งขึ้นมาเพื่องมเข็มขณะที่น้ำท่วมกรุง

เพราะภารกิจของคณะกรรมการชุดนี้ ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของ “ถุงยังชีพ” ที่มีราคาถุงละ “800 บาท” ถูกมองว่าแพงเกินไปหรือไม่

ดังนั้น จึงตั้งคณะกรรมการเพื่อมาพิสูจน์ข้อกล่าวหา “ทุจริตถุงยังชีพ” เพื่อสะสางความฉงนสงสัยของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่รัฐบาลเป็นเป้าถูกโจมตีอย่างมาก ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การทิ้งร้างข้าวของบริจาคเพื่อหนีน้ำ ต่างส่งผลให้คะแนนนิยมดิ่งลงสวนกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กระนั้นก็ตาม เห็นจากสภาพการตามหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ที่มีนาย ยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ก็ละเหี่ยใจว่าข้อเท็จจริง เนื่องเพราะการหาข้อมูลเพื่อตรวจสอบ กลับพบว่า มีการส่งเจ้าหน้าที่ มาเที่ยวตามหาสื่อมวลชน ที่เสนอข่าวตามที่พรรคฝ่ายค้านได้กระพือประเด็นนี้ ซึ่งก็คือ “เอเอสทีวี ผู้จัดการ” “แนวหน้า”

จากการกระทำดังกล่าวสะท้อนให้เห็นภาพการตรวจข้อเท็จจริง แบบขายผ้าเอาหน้ารอด ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะหาคนผิดมาลงโทษแต่อย่างใด ซึ่งก็ทราบดีอยู่แล้วว่าถุงยังชีพที่จัดซื้อหา ก็จัดทำจากหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ ก็คือ “กระทรวงพาณิชย์” แล้วทำไมราคากับของในถุงไม่ค่อยจะสอดคล้องกัน

ประเมินด้วยสายตาก็คิดว่าไม่ควรจะเกิน 500 บาทด้วยซ้ำ หรือจะบวกค่าขนส่งหรืออะไรต่อมิอะไร ซึ่งถือเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งในภาวะอย่างนี้

จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า มีการขออนุมัติงบประมาณในการจัดซื้อถุงยังชีพหลายครั้ง โดยแต่ละครั้งราคาแตกต่างกัน ตั้งแต่ 300-800 บาท หลังจากที่นำถุงยังชีพที่ประชาชนได้บริจาคสิ่งของมาเริ่มลดลง ภายหลังการย้าย ศปภ.มาอยู่ที่ ตึกเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน ภาพการทิ้งข้าวของบริจาคอย่างไม่เห็นคุณค่า ประชาชนเริ่มบริจาคลดน้อยลง จึงต้องมีการสั่งซื้อเพิ่มเติม นอกจากนี้ความฉาวโฉ่ดังกล่าว สืบเนื่องมาจากสิ่งของในถุงยังชีพ ทำยังไงก็ไม่ถึงราคาเกือบพันที่มีการอนุมัติจัดซื้อ

แม้ว่า นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรับผิดชอบสิ่งของบริจาคของ ศปภ.จะชี้แจงว่า มีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน โดยมีการนำถุงยังชีพที่ราคาต่ำ 300 บาทต่อถุง ซึ่งเป็นถุงยังชีพที่ ศปภ.ไม่ได้ผลิตมาเปรียบเทียบกับถุงยังชีพราคา 800 บาท ซึ่งมีปริมาณและคุณภาพแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมไม่หนัก ทาง ศปภ.จัดซื้อถุงยังชีพในราคาถุงละ 300 บาท แต่ต่อมาสถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายๆ พื้นที่ จึงจำเป็นต้องจัดซื้อถุงยังชีพ ถุงละ 500 บาท และ ศปภ.ยังคงดำเนินการผลิตถุงยังชีพราคา 500 บาท เพิ่มเติมเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชน

แต่ทั้งนี้ ยังพบว่า การจัดซื้อถุงยังชีพ 800 บาทต่อถุง ทางกรมป้องและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ หรือพูดง่ายๆ ภายใต้การกำกับดูแลของบิ๊กกร่าง “เจ๋ง ดอกจิก” ยศวริศ ชูกล่อม ที่เคยประกาศตัวใหญ่คับกระทรวง ใหญ่กว่าอธิบดีผู้นี้แหละ ที่ควบคุมการผลิตถุงยังชีพดังกล่าว

ยิ่งทำให้น่าสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าทำไม ศปภ.ไม่ดำเนินการผลิตเหมือนอย่างที่ทำมา อย่างถุงละ 300-500 บาท ทำไมต้องโยน ไปให้ ปภ.จัดทำถุงยังชีพราคา 800 บาท หรือว่ามีการแบ่งเค้กกันเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ประชาชนยังหิวโหย นักการเมืองกลับอิ่มแปร้ปากมัน

ที่ผ่านมา รัฐบาลเคยประกาศเพื่อขอร้องให้บรรดาพ่อค้า แม่ขาย อย่าโก่งราคากันให้มาก อย่าซ้ำเติมคนไทยในภาวะที่ตกระกำลำบาก ถึงกับมีการประกาศว่ามีความผิด หรือต้องได้รับโทษมากกว่าปกติเสียอีก ดังนั้น พฤติกรรมหากินกับถุงยังชีพครั้งนี้ ต้องจัดการอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ในการเหยียบหัวคนไทยแบบหน้าไม่อาย

ถุงยังชีพวันนี้ยังชีพผู้ประสบภัย หรือยังชีพใครให้รุ่งเรืองเพิ่มขึ้นกันแน่ ก็ฝากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาหาคำตอบให้กระจ่าง ไม่ใช่แบบงูๆ ปลาๆ หรือปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำให้ลงอ่าวไทย เพราะถ้าถึงตอนนั้นจะกลายเป็นงมเข็มในทะเล คงจะคว้าได้เพียงน้ำเหลว