แฉ “ยิ่งลักษณ์” สารภาพกลาง ครม.แก้น้ำท่วมได้แค่นี้-เล็งจ้างต่างชาติปรึกษาระยะยาว

“ยิ่งลักษณ์” สารภาพกลาง ครม. แก้น้ำท่วมได้แค่นี้ ครวญถุงทรายยักษ์ทำได้แค่ชะลอน้ำ ให้ทำใจ อีก 2-3 สัปดาห์น้ำท่วมกรุงถึงคลี่คลาย เล็งจ้างบริษัทจัดการน้ำต่างชาติเป็นที่ปรึกษาวางแผนระยะยาว หวังเห็นผลใน 5-10 ปี สั่งอบรม จนท.สายด่วน 1111 ใหม่ ลั่นต้องตอบข้อมูลได้ พิลึก “ประชา” รายงานมีชาวบ้านขวางบิ๊กแบ็กตะวันออก นายกฯ ตอบต้องหาข้าวให้กิน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในระหว่างการหารือถึงประเด็นการแก้ปัญหาน้ำท่วม ในช่วงก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายกฯ ได้กล่าวกับ ครม.ว่า การที่รัฐบาลจะประกาศมาตรการเชิงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูประเทศ โดยมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ระยะยาวขึ้นมานั้น เราจะต้องว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญการจัดการน้ำระดับโลกมาเป็นที่ปรึกษา ต้องทำให้สัมฤทธิผลให้ได้ภายใน 5-10 ปี

นายกฯ ยังกล่าวกับ ครม.ด้วยว่า ขอให้รัฐมนตรีทุกคนต้องเข้าใจสถานภาพตัวเองว่าทุกคนเหมือนเป็นบอร์ด คือนั่งอยู่ใน ครม.ซึ่งเป็นบอร์ดใหญ่ ถ้าเห็นรายชื่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์การฟื้นฟูประเทศในระยะยาวแล้ว อย่าตกใจว่าไม่มีรายชื่อของตัวเอง อาจจะเหลือรัฐมนตรีที่เข้าไปเป็นคณะกรรมการเพียงแค่ 4-5 คน แต่ไม่ใช่ว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ จะไม่เกี่ยวข้องไม่มีชื่อ เพราะถึงอย่างไรสุดท้ายไม่ว่าใครจะไปทำอะไรก็ต้องกลับมาพิจารณากันในบอร์ดใหญ่คือใน ครม.อยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการทำงานที่เข้มแข็งกันต่อไป และอยากจะให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงเข้าไปทำงานในเชิงรุกเข้าไปในพื้นที่ เพื่อทำให้ประชาชนได้รับรู้ว่าสิทธิของเขามีอะไรบ้าง อย่างการให้เปิดโรงครัวรัฐบาล ถ้ากระทรวงใดมีเครื่องมืออะไรก็ขอให้ทุ่มเททำงานกันให้เต็มที่ เหมือนอย่างที่กระทรวงศึกษาธิการได้ทำไปแล้วก็ได้ผลดี ทำให้นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ ยิ้มปลื้มที่ได้รับคำชมจากนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ยังยอมรับด้วยว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ ศปภ.เองค่อนข้างมีปัญหา โดยเฉพาะการตอบคำถามของประชาชนที่โทรศัพท์เข้ามาที่สายด่วน 1111 กด 5 แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีทีที่มานั่งตอบคำถาม ดังนั้นเราจำเป็นต้องไปจัดหาคนที่มีศักยภาพ มีความรู้ที่จะตอบปัญหาเรื่องน้ำให้กับชาวบ้านได้ จึงขอมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ไปเป็นเจ้าภาพจัดหาวิทยากรมาอบรมเจ้าหน้าที่ที่มาประจำสายด่วน 1111 กด 5 โดยอันดับแรกให้กระทรวงไอซีทีต้องไปคัดเลือกคนมาไม่ว่าจะมาจากทีโอที กสท หรือ แคทเทเลคอม แต่ต้องเลือกคนที่มีศักยภาพสูงมาทำหน้าที่ เมื่อเลือกมาแล้วให้ ก.พ.ร.จัดหลักสูตรฝึกอบรมเฉพาะหน้าให้คนที่เข้ามาใหม่ และหลักสูตรเสริมศักยภาพสำหรับพวกที่ทำมาก่อนแต่ไม่ค่อยเวิร์ก สำคัญคือต้องพูดข้อมูลเรื่องน้ำได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ.ได้รายงานต่อ ครม.ว่า ขณะนี้มีปัญหาที่มีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 200 คนที่รวมตัวกันขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่นำบิ๊กแบ็กไปวางในพื้นที่ฝั่งตะวันออก เพราะกลัวน้ำจะเข้าท่วมบ้านของเขา ซึ่งนายกฯ ก็กล่าวเลี่ยงไปอีกทางว่า เราจะสร้างโรงครัวรัฐบาลเพื่อหาข้าวให้พวกที่มาประท้วงได้กินกัน รัฐบาลจะประสานไปยังจังหวัดที่น้ำไม่ท่วม หรือน้ำลดแล้ว เอาทั้ง 18 จังหวัดมาตั้งโรงครัวรัฐบาล และประสานกับจังหวัดต่างๆ นำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาช่วยวิ่งรับส่งประชาชนด้วย ขณะที่ พล.ต.อ.ประชาได้พยายามขอให้ทาง ศปภ.เป็นผู้รับผิดชอบนำเรือทั้งที่ได้รับบริจาคและจัดซื้อมาดูแลแจกจ่ายเองในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยนายกฯ ได้อนุญาตให้ ศปภ.ดูแลการแจกจ่ายเรือในช่วงเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ในระยะยาวแล้วก็ต้องอยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยต่อไป โดยเมื่อสถานการณ์เฉพาะหน้าดีขึ้นแล้ว ก็ให้ส่งคืนเรือไปให้ มท. เพื่อให้ ปภ.นำไปกระจายให้ ปภ.จังหวัดต่างๆ

“ต้องขอทำความเข้าใจว่า บิ๊กแบ็กที่นำมาใช้นั้นไม่ได้หยุดน้ำ แต่เพียงแค่ชะลอน้ำเอาไว้เท่านั้น เราต้องเร่งระบายน้ำออกไปทางทิศตะวันออกให้มากขึ้น เพราะมีคูคลองที่เอื้อต่อการระบาย แต่ฝั่งตะวันตกค่อนข้างเป็นพื้นที่ราบต่ำ สถานการณ์น้ำยังจะหนักต่อไป มาตรการต่างๆ ที่เราทำกันก็ทำได้ดีที่สุดได้แค่นี้ เพราะบิ๊กแบ็กได้แค่ชะลอน้ำ ไม่ใช่กั้นน้ำ และน้ำก็ยังจะไหลมาอีก อย่างน้อยก็ต้องทำใจอีก 2-3สัปดาห์กว่าน้ำจะแห้ง การดำเนินชีวิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ สำหรับส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และต้นสังกัดดูแลข้าราชการในสังกัดอย่างดีด้วย ต้องหาบ้านพักหรือ สถานที่พักพิง รวมทั้งอาหารและน้ำให้ด้วย ไม่ใช่ไปดูแลแต่ประชาชน” นายกรัฐมนตรีกล่าว