xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : รัฐบาล (ชั่ว) โยนไฟใส่มือ “ในหลวง”!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตัวแทนประชาชนกลุ่มองค์กรต่างๆ รวมตัวกันทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษเอื้อประโยชน์ทักษิณ ที่สำนักพระราชวัง(18 พ.ย.)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

บ้านเมืองทุกข์ร้อน เพราะ “มหาอุทกภัย” ไม่พอ รัฐบาลยังสร้างวิกฤตใหม่ขึ้นมาอีก ด้วยการแอบออกกฎหมายเพื่อช่วย “ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี คดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดา ...งานนี้ รัฐบาลไม่เพียงถูกครหา ว่า ใช้วิชามารตัดตอนแปลงร่าง พ.ร.ฎ.อภัยโทษเพื่อเอื้อประโยชน์คนคนเดียว แต่ยังกระทำการบ่อนทำลายระบบ “นิติรัฐ-หลักกฎหมาย” และจุดไฟขึ้นในบ้านเมืองด้วยการยืมมือ “สถาบัน” ด้วย

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

“ครม.ปู เหิมเกริมหนัก เดินแผนชั่ว บังคับในหลวง ลักไก่ผ่านร่างพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ตัดต่อคุณสมบัติครบสูตร อายุเกิน 60 - ต้องโทษไม่เกิน 3 ปี คอร์รัปชันก็ให้ ล็อกสเปกอุ้มคนโกงพา “ทักษิณ” กลับบ้าน 5 ธ.ค.” (โปรยข่าว-ไทยโพสต์)


กลายเป็นข่าวใหญ่หน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ทันที หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ประชุมลับ แต่มีข่าวรั่วในเวลาต่อมาว่า ครม.ได้พิจารณาและลงมติผ่านร่าง พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษ โดยกำหนดคุณสมบัติของนักโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ เข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธ.ค.2554 ด้วย เช่น ต้องเป็นผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี นอกจากนั้น ยังมีการตัดข้อความบางส่วนของ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ พ.ศ.2553 ออก เพื่อให้นักโทษในคดียาเสพติดและคดีคอร์รัปชั่นเข้าข่ายได้รับอภัยโทษด้วย ไม่เท่านั้น พ.ร.ฎ.ดังกล่าวยังไม่ระบุระยะเวลาการเข้ารับโทษ นั่นหมายความว่า ผู้ที่หนีคดีหรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ระหว่างถูกคุมขังอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณก็เข้าข่ายได้รับอภัยโทษได้

หลังเรื่องแดงขึ้นมา รัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุม ครม.ดังกล่าว ต่างออกอาการใบ้กิน ไม่มีใครกล้าเผยรายละเอียดว่าที่ประชุมพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวจริงหรือไม่ ขนาด ร.ต.อ.เฉลิม ที่นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่า ติดภารกิจเยี่ยมประชาชนที่ จ.สิงห์บุรี ก็ยังไม่ยอมปริปาก โดยอ้างแต่ว่าเรื่องลับ เขาห้ามพูด ไม่เพียง ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ยอมพูดถึง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว แต่ยังพยายามเบี่ยงประเด็นไปเล่นงานคนที่นำเรื่องลับดังกล่าวมาบอกสื่อมวลชนด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกพรรคประชาธิปัตย์จี้ให้ชี้แจงเรื่องนี้ในสภาเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม ก็พยายามโบ้ยว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ยกร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว แต่มีคณะกรรมการที่กระทรวงยุติธรรมตั้งขึ้นมาเป็นผู้พิจารณา ก่อนมาเสนอ ครม.ซึ่ง ครม.มีหน้าที่พิจารณา ร.ต.อ.เฉลิม ยังอ้างด้วยว่า “ที่ต้องประชุมลับ เพราะยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเผยแพร่ไม่ได้ เรื่องนี้ยังต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา จะเห็นด้วยหรือไม่ ยังไม่รู้ แล้วจะให้ผมตอบรายละเอียดได้อย่างไร แต่หากกฤษฎีกาเห็นด้วย ก็ส่งให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้นำเข้า ครม. เมื่อเห็นตรงกันก็นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ถือเป็นพระราชอำนาจโดยแท้...” ร.ต.อ.เฉลิม ยังเชื่อด้วยว่า การออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าวจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมา

อย่างไรก็ตาม กระแสสังคมขณะนี้เริ่มไม่เป็นไปตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม เชื่อ เพราะหลายภาคส่วนในสังคมเริ่มออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวแล้ว เช่น คณาจารย์กว่า 80 คนจาก 7 สถาบัน ได้เข้าชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน พ.ร.ฎ.อภัยโทษฉบับดังกล่าว เพราะส่อเจตนาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งยังจะนำไปสู่ความแตกแยกขัดแย้ง ซ้ำเติมวิกฤตประเทศให้รุนแรงยิ่งขึ้น, กลุ่มเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) และเตรียมรวบรวมรายชื่อประชาชนที่คัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวกว่า 1 หมื่นชื่อ เพื่อยื่นต่อ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศนัดชุมนุมเพื่อคัดค้าน “ร่างกฎหมายเพื่อทักษิณ หยุดทำลายหลักนิติรัฐ” ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ออกมาตำหนิรัฐบาล ว่า การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษของรัฐบาลครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เลวทรามต่ำช้ามาก เพราะเห็นได้ชัดว่ามุ่งเอื้อประโยชนให้คนคนเดียว ทั้งยังเป็นการกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างชัดเจน “การทำเช่นนี้ถือว่าระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะในหลวงท่านยึดมั่นในหลักนิติรัฐ ว่า ความมั่นคง ความเที่ยงธรรม สามารถจะนำพาประเทศไทยให้พ้นวิกฤต และจะแก้ไขข้อขัดแย้งได้ แต่การกระทำครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทยเป็นการจงใจจะทำลายหลักนิติรัฐ โดยอ้างเรื่องนี้บังหน้า ทั้งยังเป็นการกดดันในหลวงอย่างชัดเจน”

ด้านเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน ซึ่งไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวเช่นกัน ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการเปิดให้ประชาชนลงชื่อเพื่อถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน เผยว่า ได้นำรายชื่อประชาชนประมาณ 3,000 คน ที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวถวายฎีกาผ่านสำนักราชเลขาธิการเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้พระองค์ทรงทราบถึงความคิดเห็นของประชาชนที่ร่วมลงชื่อคัดค้าน

“หลักการสำคัญของการอภัยโทษนั้น ก็คือ คน (ที่จะได้รับการอภัยโทษ) ต้องมีความรู้สึกผิดสำนึกผิด และควรจะต้องได้รับการลงโทษอย่างน้อยระยะเวลาที่เหมาะสม ข่าวออกมาในลักษณะที่ว่าจะยกหลักเกณฑ์นี้ออกไปเลย เราก็อยากสงวนว่า การจะยกหลักเกณฑ์อันนี้ออกไป เป็นเรื่องที่ผิด ที่คนที่หนีคดี คือ ไม่เคยได้รับโทษ อยู่ๆ ก็ไปยก คือ การอภัยโทษนั้น เป็นการกระทำที่ทำให้เป็นบรรทัดฐานที่ผิดต่อไป และเราก็สงวนอีกในส่วนที่ว่าถ้าเกิดเป็นการให้รับโทษ ซึ่งไม่กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น ประกาศ พ.ร.ฎ.ออกมาแล้ว มารับโทษไม่กี่วัน และให้มีผลในทางปฏิบัติ เราก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือบุคคลที่เรียกว่าใช้ประโยชน์จาก พ.ร.ฎ.อย่างไม่ตรงไปตรงมา เป็นการสร้างกติกาใหม่ขึ้นมา ซึ่งในอนาคตเราก็ไม่อาจจะกลับมาใหม่ เพราะเหมือนกับว่าเราผ่อนผันหรือผ่อนปรนลักษณะนี้ไปแล้ว ก็จะเกิดความเสียหายต่อไประยะยาว นี่เป็นประเด็นที่เรายื่น และอยากให้พระองค์ได้รับทราบ แล้วแต่พระราชวินิจฉัยของพระองค์”

เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่รู้เรื่องการออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าว นายบวร บอกว่า ไม่มีทางไม่รู้ และถึงไม่รู้ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะการออก พ.ร.ฎ.นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ส่วนกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อ้างว่า ร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีนักโทษกว่า 2 หมื่นคนได้รับอานิสงส์ด้วยนั้น นายบวร ถามกลับว่า แล้วนักโทษ 2 หมื่นกว่าคนนั้น เป็นนักโทษหนีคดีเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ยืนยันว่า ทางเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน ไม่ได้ปฏิเสธการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษนักโทษที่มีความประพฤติดีและเข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งหากนำ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ พ.ศ.2553 มาใช้ นักโทษกว่า 2 หมื่นคนที่นายสุรพงษ์พูดถึง ก็ยังคงได้รับประโยชน์เช่นเดิม จะมีก็แต่เพียงคนบางคนเท่านั้นที่ไม่ได้รับประโยชน์

ขณะที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ ย้ำกับ Manager Radio FM 97.75 ว่า การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษของรัฐบาลครั้งนี้ ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อหลักทัณฑวิทยา ที่ระบุว่า คนที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษต้องเป็นผู้ที่รับโทษแล้ว เมื่อศาลตัดสินว่าผิด ต้องมีตัวอยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ และยอมรับว่าตัวเองได้กระทำผิดไป แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากไม่เคยยอมรับว่าตัวเองได้กระทำผิดแล้ว ยังวิจารณ์ศาลยุติธรรมว่าเป็นกระบวนการยุติความเป็นธรรมอีกด้วย นอกจากนี้ การออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าวยังขัดต่อหลักการออกกฎหมาย ที่ต้องออกเพื่อใช้บังคับกับบุคคลทั่วไป จะออกเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ แต่การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษของรัฐบาลครั้งนี้ชัดเจนว่ามุ่งช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ อายุเกิน 60 ,โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และโทษคดีคอร์รัปชันให้เข้าหลักเกณฑ์อภัยโทษได้

นายสุวัตร ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า วิธีการออกกฎหมายของรัฐบาลก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะนอกจากจะประชุม ครม.ลับ ซึ่งสะท้อนว่าไม่โปร่งใสและขัดหลักธรรมาภิบาลแล้ว ยังนำวาระจรมาพิจารณาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการออก พ.ร.ฎ.ทำให้ ครม.คนอื่นเหมือนถูกมัดมือ เพราะไม่มีโอกาสได้ศึกษาวาระดังกล่าวมาก่อน ทั้งนี้ นายสุวัตร ย้ำว่า เมื่อรัฐบาลออกกฎหมายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและโดยทุจริตเช่นนี้ ตนจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ครม.มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และหากรัฐบาลยังดึงดันจะทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.อภัยโทษฉบับนี้ ตนก็จะยื่นเรื่องต่อองคมนตรีต่อไป

“ครม.ออก พ.ร.ฎ.ฉบับนี้โดยเอื้อประโยชน์ให้กับคุณทักษิณ เข้าองค์ประกอบแล้วคำว่าทุจริต ดังนั้น ครม.ชุดนี้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรืองดเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังนั้น เรื่องนี้ผมจะไม่ปล่อย ผมจะดำเนินการร้องไปที่ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินคดีกับคณะรัฐมนตรีหรือที่ได้ร่วมพิจารณา พ.ร.ฎ.ฉบับนี้”

“พอผมยื่น ป.ป.ช.ไปแล้ว ต่อมาเกิด พ.ร.ฎ.ฉบับนี้มีการมัดมือชก จะถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ผมก็จะทำเรื่องแจ้งไปที่คณะองคมนตรีว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงที่สุดนะ เพราะกฎหมาย กระบวนการได้มาซึ่ง พ.ร.ฎ.ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.ดังนั้น จะนำเสนอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพระปรมาภิไธยไม่ได้ เพราะผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการบีบคั้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะลงพระปรมาภิไธย หรือไม่ลงในกฎหมายฉบับนี้ ท่านมีแต่เสียกับเสีย ถ้าไม่ลงให้ พวกเสื้อแดงก็จะโกรธท่าน ถ้าลงพระปรมาภิไธยให้ไป ก็เหมือนกับว่าท่านไปยอมรับเอากระบวนการออกกฎหมายที่ไม่ชอบ ผิดต่อหลักกฎหมาย ผิดต่อจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นของประเทศไทย ก็เสียอีกเหมือนกัน และเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ การบีบบังคับตามที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ลงนั่นน่ะ ตรงใจเลยแหละว่าเป็นการบีบบังคับในหลวง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้จบไม่ได้”


ด้าน ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช บอกว่า รู้สึกแย่มากๆ ที่รัฐบาลประชุม ครม.ลับ เพื่อออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งส่วนตัวแล้วเชื่อว่าจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะซ้ำเติมความรู้สึกของประชาชนที่รู้สึกแย่กับรัฐบาลที่ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเกี่ยวกับวิกฤตอุทกภัย แต่กลับเอาเวลามาแก้ปัญหาให้พี่ชายนายกฯ แล้ว ยังทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟขึ้นมาอีก โดยรัฐบาลกำลังยืมมือสถาบันในการจุดไฟครั้งนี้

“ผมอยากจะวิจารณ์แรงๆ ว่า เป็นการโยนไฟ หรือทำให้ไฟเข้าไปอยู่ในมือผู้มีอำนาจอนุมัติ คุณเฉลิม พูดชัดเจนบอกว่า เรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจ ตรงนี้แหละน่าเป็นห่วง เป็นการยื่นไฟไปถึงสถาบันหรือไม่ และยืมมือของสถาบันในการจุดไฟนั้น อันนี้ผมอาจจะพูดแรงไป แต่ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ว่า มันจะกระทบกระเทือนไปทั่วทั้งสังคม และคนก็จะไม่เข้าใจ ตรงนี้เป็นเพราะอะไร เพราะหลักการอันนี้เป็นเรื่องหลักการของกฎหมายนิติรัฐ โดยทั่วไปการอภัยโทษตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เราไม่อภัยโทษให้กับผู้ค้ายาเสพติด และคนที่คอร์รัปชัน แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกในการที่ละเว้นข้อกำหนดตรงนั้น ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นนิติประเพณีที่สำคัญด้วยในการที่เราจะไม่อภัยโทษให้กับผู้ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับบ้านเมือง คือพวกยาเสพติด กับคอร์รัปชัน คุณเฉลิม เอง มือปราบยาเสพติดนะถ้าจำได้ และรู้สึกจะต่อสู้กับเรื่องนี้มาอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นครั้งนี้ดูเหมือนว่าคุณเฉลิมก็ยอมแม้กระทั่งทำลายชื่อเสียงของตัวเองที่เคยมีหลักการต่อสู้กับยาเสพติดมา ก็มาอภัยโทษให้กับยาเสพติดอีกด้วย ซึ่งผมคิดว่าแสดงถึงความเหลวแหลกของระบบนิติรัฐในประเทศไทยที่ผู้มีอำนาจเหิมเกริม และฉวยโอกาสทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งไม่สมควรที่จะกระทำ”

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถลอยตัว ไม่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษที่เอื้อประโยชน์ให้พี่ชายได้หรือไม่? ผศ.ทวี ชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความไม่เอาไหนของผู้นำด้วยการเล่นละครน้ำเน่าตบตาเรื่องเฮลิคอปเตอร์กลับไม่ได้ ทั้งที่แม้จะค้างคืนที่สิงห์บุรี ก็สามารถกลับ กทม.ได้ทันในวันต่อมา กลับประวิงเวลา เพื่อสร้างภาพว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าว ดังนั้น นอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้แล้ว หากเกิดปัญหาอะไรตามมา ทั้งพรรคเพื่อไทย ทั้งรัฐบาลชุดนี้ และตระกูลชินวัตร จะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น!!
สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ชี้ รัฐบาลเลวทรามต่ำช้ามากที่ออก พ.ร.ฎ.เพื่อทักษิณคนเดียว และเป็นการกดดันในหลวงชัดเจน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ไม่ยอมกลับ กทม.เพื่อร่วมประชุม ครม.นัดที่พิจารณา พ.ร.ฎ.อภัยโทษ โดยอ้างว่า เฮลิคอปเตอร์ไม่มีเรดาห์(14 พ.ย.)
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไม่เชื่อ การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ทักษิณจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ประกาศ พร้อมนำคนเสื้อแดง 2 แสนคนออกมาชุมนุมต้านคนที่ค้าน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น