xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 20-26 พ.ย.2554

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1.สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ “ในหลวง” พระอันตะ(ลำไส้ใหญ่) อักเสบ ด้าน “ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ” ทรงย้ำ ในหลวงห่วงประชาชน!

สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ว่า ทรงมีพระปรอท(ไข้) ต่ำๆ เป็นบางเวลา โดยก่อนหน้า 1 วัน ทรงมีพระอาการเจ็บบริเวณพระนาภี(ท้อง) ด้านล่าง คณะแพทย์ได้ถวายตรวจพระวรกายและตรวจพระโลหิต วินิจฉัยว่า พระโรคถุงเนื้อเยื่อขนาดเล็กบนผนังของพระอันตะ(ลำไส้ใหญ่) อักเสบ ซึ่งคณะแพทย์เคยส่องกล้องตรวจพบว่ามีถุงเนื้อเยื่อขนาดเล็กที่ผนังของพระอันตะตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ค.2542 หลังจากนั้น ได้ถวายส่องกล้องตรวจติดตามพระอาการเป็นระยะ ไม่พบเนื้อร้าย โดยคณะแพทย์อธิบายว่า เป็นพระอาการที่มักเกิดในผู้สูงอายุ อาจมีการอักเสบของถุงเนื้อเยื่อหรือมีโลหิตออกจากถุงเนื้อเยื่อเป็นครั้งคราว ดังที่เคยพบถุงเนื้อเยื่อเล็กบนผนังของพระอันตะอักเสบ และถวายการรักษามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือน ต.ค.2550 ดังนั้น ในครั้งนี้ คณะแพทย์จึงได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิต ซึ่งผลการตรวจเอกซเรย์พระอุระ(ทรวงอก) พบว่า พระปัปผาสะ(ปอด) ปกติ คณะแพทย์ได้ขอพระราชทานงดเสวยพระกระยาหารสักระยะหนึ่งจนกว่าพระอาการอักเสบจะทุเลา

ต่อมา วันที่ 22 พ.ย.สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์ความคืบหน้าพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า อุณหภูมิพระวรกายและระบบการหายพระหทัยปกติ ไม่มีพระอาการเจ็บพระนาภี พระอาการทั่วไปดี เสวยพระกระยาหารอ่อนได้มากขึ้น คณะแพทย์ได้ขอพระราชทานถวายพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิตต่อไปจนครบกำหนด

ล่าสุด วันที่ 26 พ.ย. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระดำรัสเกี่ยวกับพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างเสด็จฯ เยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ที่ จ.อำนาจเจริญ โดยทรงย้ำว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรักราษฎรเหมือนลูกเหมือนหลาน “ท่านจะไม่มีความสุขเลยเมื่อทราบว่าราษฎรเดือดร้อน ท่านจะทำทุกวิถีทางที่ท่านจะทำได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนั้น ก่อนข้าพเจ้าจะมา พอ.สว.ครั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวมีพระอาการพระลำไส้อักเสบอีก ทรงมีลงพระนาภีท้องเดิน ทรงมีไข้ ซึ่งแพทย์ได้ถวายยาปฏิชีวนะทางเส้น ให้งดเสวยพระอาหารทางพระโอษฐ์ 3 วัน ตอนนี้เสวยอาหารอ่อนได้ ก่อนข้าพเจ้าจะมา ยังทรงใส่สายน้ำเกลือ ถึงไม่ได้จิบน้ำเกลือตลอด แต่ก็เปิดเอาไว้เผื่อฉุกฉิน ข้าพเจ้าคิดว่าพระอาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ หากพวกเราทุกคนคิดถึงท่าน คิดว่าแค่พลังใจจากชาว พอ.สว.คิดว่าความหวังดี ความรัก ความศรัทธา ที่พวกเรามีต่อท่าน ข้าพเจ้าคิดว่าท่านสัมผัสได้ การที่ข้าพเจ้าชวน พอ.สว.มาออกหน่วยเพื่อบรรเทาความทุกข์ผู้ประสบอุทกภัย ข้าพเจ้าได้ทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พวกเราทำอันนี้เพื่อถวายเป็นของขวัญวันเฉลิมฯ ท่าน”

2.พันธมิตรฯ งดชุมนุม หลังรัฐบาลยัน พ.ร.ฎ.อภัยโทษไร้ชื่อ “ทักษิณ” ด้าน “เฉลิม” เล็งชง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแทน!

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
ความคืบหน้ากรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ประชุมลับและพิจารณาวาระจร โดยผ่านร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2554 ซึ่งมีการปรับแก้หลักเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับอภัยโทษให้เอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ เช่น เป็นผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป จากเดิมต้อง 70 ปีขึ้นไป ,มีโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 3 ปี จากเดิมกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 1 ปี รวมทั้งให้นักโทษในคดียาเสพติดและคดีทุจริตคอร์รัปชั่นเข้าข่ายได้รับอภัยโทษได้ ปรากฏว่า ได้มีหลายภาคส่วนในสังคมออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศนัดชุมนุมเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อ นช.ทักษิณในวันที่ 21 พ.ย.ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขณะที่แกนนำเสื้อแดงและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน ก็ออกมาประกาศพร้อมขนม็อบมาชนม็อบที่ต่อต้านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวเช่นกันนั้น

ปรากฏว่า ก่อนหน้าจะถึงวันนัดชุมนุมของพันธมิตรฯ 1 วัน(20 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียน จม.จากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงสื่อมวลชน โดยแสดงความมั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่ทำอะไรที่เอื้อประโยชน์ต่อตน “จากการเสนอ พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษประจำปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา จึงมีข่าวว่าอาจจะมีผมรวมอยู่ด้วย ผมมั่นใจในหลักการที่ว่า รัฐบาลจะไม่ทำการใดใดที่ให้ประโยชน์แก่ผมหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำใดใดในช่วงนี้ต้องเป็นไปเพื่อนำประเทศสู่ความปรองดองและฝ่าฟันวิกฤตจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมใหญ่เท่านั้น อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรอยู่ เราต้องไม่ทำให้พระองค์ทรงหนักพระราชหฤทัยเป็นอันขาด” นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่รักชาติบ้านเมืองจริง ต้องรู้จักคำว่า “FORGIVE AND FORGET” คือลืมเรื่องเก่าๆ และรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน เพื่อบ้านเมืองและลูกหลานของเรา

ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้หอบเอกสารปึกใหญ่เปิดแถลงโดยยืนยันว่า ร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนที่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรมเสนอขึ้นมาเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2554 ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่ได้ตัดบัญชีแนบท้ายของ พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2553 ที่ระบุคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและคดีทุจริตคอร์รัปชั่นไม่เข้าข่ายขอพระราชทานอภัยโทษ “ที่มีการถามว่า พ.ร.ฎ.ดังกล่าวเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือไม่ ตอบด้วยความสัตย์จริงว่าไม่... ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ประโยชน์จากการออก พ.ร.ฎ.ดังกล่าว”

หลัง พล.ต.อ.ประชา ออกมาแถลงยืนยันชัดเจนว่า ร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้ประกาศงดชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 21 พ.ย.พร้อมเปลี่ยนเป็นกิจกรรมย่อยพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯ ที่บ้านเจ้าพระยาแทน ขณะที่เครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องกันแผ่นดิน ยังคงเดินหน้ารวบรวมรายชื่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายพระราชทานอภัยโทษหรือนิรโทษกรรมเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยได้ยื่นรายชื่อผู้คัดค้านกว่า 3 หมื่นชื่อให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา ย้ำอีกครั้งว่า การขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ไม่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแต่อย่างใด ขอเอาตำแหน่งเป็นประกัน

ด้านนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เผยในวันเดียวกัน(22 พ.ย.)ว่า ได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้เลขาธิการ ครม.เพื่อทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอนแล้ว คาดว่าจะมีนักโทษเด็ดขาดได้ประโยชน์ราว 2 หมื่นคน ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้พยายามปฏิเสธไม่พูดถึง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว แต่ในที่สุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ก็ยอมพูดโดยยืนยันว่า การขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ไม่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากกรณีที่ข่าวรั่วเกี่ยวกับการประชุม ครม.ลับผ่านร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ จนปรากฏทางสื่อมวลชนทุกแขนง “เรื่องนี้เป็นการประชุมลับ เพราะเป็นเรื่องลับ และเรื่องลับก็ควรเป็นเรื่องลับ... จึงอยากขอร้องทุกท่านว่าเรื่องอะไรที่เป็นการหารือ เป็นการพูดคุยกันใน ครม.ถ้าไม่ได้เป็นมติ ก็ไม่ควรนำออกไปพูด เพราะจะกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา”

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแขวะพรรคประชาธิปัตย์ที่แสดงท่าทีคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ โดยอ้างว่า เหตุที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้าน เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ตัวเองแพ้เลือกตั้งกระจุยกระจาย ร.ต.อ.เฉลิมยังพยายามแก้เกี้ยวหลังสังคมไม่ตอบรับร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษที่เอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยบอกว่า การที่ไม่เดินหน้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับประโยชน์จากร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว เพราะ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวสามารถช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นได้แค่คดีเดียว สู้ออกเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดีกว่า สามารถช่วยได้ทุกคดี ซึ่งขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังเหลืออีก 4 คดี “ถ้าจะทำ ต้องออกเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ผ่านสภา ผมกำลังรอดูจังหวะเวลาอยู่”

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาติงรัฐบาลว่า การที่รัฐบาลนำเอาปัญหาของ พ.ต.ท.ทักษิณมาผูกเป็นปัญหาของประเทศ จะทำให้บ้านเมืองเสียโอกาสไปเรื่อยๆ ขณะที่บรรยากาศของสังคมก็จะเกิดความตึงเครียดและขัดแย้งเป็นระยะ จึงขอย้ำจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากมีการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภา พรรคจะไม่เห็นด้วยแน่นอน “คะแนนเสียงเขาให้มาทำนโยบายต่างๆ ไม่ได้ให้คะแนนเสียงมาเพื่อมารื้อกฎหมาย ต้องแบ่งให้ถูก มิเช่นนั้นต่อไปนี้ใครมีคะแนนเสียงดี ไปทำผิดก็ไม่ต้องไปขึ้นศาล ต้องรู้จักแบ่งบทบาทหน้าที่กันว่า ฝ่ายบริหารมีคะแนนเสียงมาจากประชาชน ให้มาบริหาร ไม่ใช่มาลบล้างฝายตุลาการ”

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ ได้แถลงข่าวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ระหว่างเยือนเกาหลีใต้เป็นการส่วนตัวเป็นเวลา 3 วัน โดยยืนยันว่า ตนจะยังไม่เดินทางกลับประเทศไทย จนกว่าจะมีการปรองดองเกิดขึ้นจริงๆ ในไทย พร้อมย้ำว่า ตนเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 แต่ตนพร้อมจะเสียสละและและขออยู่นอกประเทศจนกว่าจะเกิดการปรองดองและเอกภาพขึ้นในประเทศ ตนไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา

3.ชาวนนท์ ประเดิมฟ้อง ศปภ.-กทม.ต่อศาลปกครองแล้ว ด้าน กทม. สนองความห่วงใยของ “ในหลวง” โยกงบ 5 ธ.ค.เสริมคันกั้นน้ำคลองมหาสวัสดิ์!

 นางทศสิริ พูลนวล นำทีมชาวบ้านกว่า 100 คนจาก 4 อำเภอของ จ.นนทบุรี  ฟ้อง ศปภ.และ กทม.ต่อศาลปกครองให้ระงับการกู้ถนนสาย 340(ภาพ-www.thairath.co.th)
สถานการณ์น้ำท่วมสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมเหมือนดีขึ้น เพราะระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ ในหลายพื้นที่ ขณะที่บางพื้นที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติจนมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่หรือ “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” แล้ว เช่น ในพื้นที่เขตบางกอกน้อย เป็นต้น ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ได้ออกมาการันตี(22 พ.ย.)ว่า พื้นที่ กทม.ชั้นในปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว พร้อมคาดว่าน่าจะรื้อกระสอบทรายยักษ์(บิ๊กแบ๊ก) ได้ในบางส่วน เพราะกีดขวางการจราจร “ต้องบอกว่า บิ๊กแบ๊กนั้นเป็นทั้งคุณมหาศาล ทำให้น้ำเข้าชั้นในไม่ได้ ขณะเดียวกันบิ๊กแบ๊กทำให้เกิดน้ำเน่า น้ำเสีย น้ำเหม็น คนที่อยู่เหนือบิ๊กแบ๊ก ทาง ศปภ.พยายามแก้ไขในส่วนนี้เท่าที่จะทำได้”

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายพื้นที่ชาวบ้านเริ่มทนไม่ไหวกับระดับน้ำที่ท่วมสูงมานานกว่า 1 เดือน จนน้ำเริ่มเน่าเสีย แต่กลับไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร น้ำจะลดเมื่อไหร่ จึงเกิดปัญหาชาวบ้านลุกฮือพังคันกั้นน้ำและบิ๊กแบ๊ก เพื่อให้น้ำระบายออกจากชุมชนของตน ขณะที่หลายพื้นที่ชาวบ้านใช้วิธีประท้วงด้วยการปิดถนนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา เช่น ชาว จ.นนทบุรี และชาว จ.ปทุมธานี

โดยที่นนทบุรีนั้น ชาวบ้าน 4 อำเภอ ประกอบด้วย บางบัวทอง บางใหญ่ บางกรวย และไทรน้อย จำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวกันปิดถนนรัตนาธิเบศร์ ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรีขาเข้า กทม.โดยมีข้อเรียกร้องหลายข้อ เช่น ให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำที่ผ่านคลองมหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา และคลองภาษีเจริญ อย่างน้อย 1 เมตร ฯลฯ ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. บอกว่า ขณะนี้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนามากแล้ว หากเปิดมากกว่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ฝั่งตะวันตกได้ ดังนั้น กทม.ขอเวลาประเมินผลและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้หรือไม่ ซึ่งในเวลาต่อมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ยอมเปิดประตูระบายน้ำคลองทั้ง 3 แห่งที่ระดับ 1 เมตรตามข้อเรียกร้อง โดยตอนแรกเปิดที่ระดับ 75 ซม. เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบมากนัก จึงให้เปิดที่ 1 เมตรได้ แต่ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเพิ่มหรือลดระดับประตูน้ำทั้ง 3 แห่งตามความเหมาะสม หากเกิดผลกระทบต่อพื้นที่ กทม.

ทั้งนี้ ในเวลาต่อมา ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตทวีวัฒนาและเขตบางแค ก็ได้ออกมาชุมนุมเช่นกันบริเวณสะพานข้ามคลองบางเชือกหนัง ช่วงกิโลเมตรที่ 25 เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา หลังได้รับผลกระทบจากการเปิดประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์ 3 แห่ง เพื่อช่วยระบายน้ำออกจาก จ.นนทบุรี แต่ส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตทวีวัฒนา เขตภาษีเจริญ เขตบางแค และเขตตลิ่งชัน อย่างไรก็ตาม หลังตัวแทนจาก กทม.เข้าเจรจา พร้อมยืนยันว่า กทม.ยังสามารถควบคุมระดับน้ำได้ ชาวบ้านจึงสลายตัว แต่ถึงกระนั้น ตัวแทนชาวบ้านก็ได้ขีดเส้นว่า หากภายใน 2 วันนี้ ระดับน้ำในคลองบางเชือกหนังเพิ่มขึ้นเกิน 10 ซม.ถือว่าการบริหารจัดการน้ำไม่ได้ผล ชาวบ้านจะกลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เขตดอนเมืองที่ประสบภัยน้ำท่วมก็เอาบ้าง โดยขู่ปิดทางด่วนโทลล์เวย์ หาก ศปภ.ไม่สนองตอบข้อเรียกร้องภายใน 24 ชม.
เช่น เร่งระบายน้ำในพื้นที่ดอนเมืองลงคลองเปรมประชากร และลดปริมาณขยะที่เป็นอุปสรรคขวางทางน้ำ ,ให้จัดเครื่องสูบน้ำ 30 เครื่องสูบน้ำจากคลองเปรมประชากรลงคลองรัตสิตประยูรศักดิ์ เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ ด้าน ศปภ.ต้องรีบรับข้อเสนอของชาวบ้านในเขตดอนเมืองไว้พิจารณาเพื่อหาทางเยียวยาต่อไป

ส่วนที่ปทุมธานีนั้น ชาวบ้าน ต.คูคต อ.ลำลูกกากว่า 100 คน ได้ออกมาชุมนุมปิดถนนดอนเมืองโทลล์เวย์ ฝั่งขาเข้า บริเวณหน้าห้างเซียร์ รังสิต เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาหลังถูกน้ำท่วมสูงนานกว่า 1 เดือน และถูกกั้นด้วยบิ๊กแบ๊ก ทั้งนี้ การปิดถนนดังกล่าว ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก กระทั่งผู้ใช้รถเกิดความเครียด จึงมีการปะทะกับม็อบ ร้อนถึง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษก ศปภ. ต้องรีบไปเจรจา พร้อมรับปากชาวบ้านว่า จะแก้ปัญหาให้ โดยจะทำให้ระดับน้ำลดลงวันละ 3-4 ซม.รวม 30 ซม.ภายในสิ้นเดือนนี้ ด้านชาวบ้านฟังแล้วพอใจ จึงสลายตัว

ส่วนชาวบ้านที่พักอาศัยในหมู่บ้านการ์เด้นโฮม อ.ลำลูกกา ก็ได้ออกมาจี้ให้รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ อ.ลำลูกกาเช่นกัน หลังชาวบ้านต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมที่สูงกว่า 2.50 เมตรมาเป็นเวลานาน พร้อมขีดเส้นว่า หากรัฐบาลไม่แก้ปัญหาภายในสัปดาห์นี้ ชาวบ้านจะรวมตัวกันยื่นฟ้องรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากมีการทำบิ๊กแบ๊กกั้นน้ำ ส่งผลให้ภาวะน้ำท่วมในหมู่บ้านไม่ลดระดับลงเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว

ทั้งนี้ เริ่มมีประชาชนไปฟ้อง ศปภ.และ กทม.ต่อศาลปกครองบ้างแล้ว คือ นางทศสิริ พูลนวล เป็นชาว อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 100 คนจาก 4 อำเภอ คือ บางบัวทอง บางกรวย บางใหญ่ และไทรน้อย หลังได้รับผลกระทบจากกรณีที่ ศปภ.พยายามกู้ถนนสาย 340 และถนนกาญจนาภิเษก ทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ 4 อำเภอสูงขึ้น ประกอบกับ ศปภ.และ กทม.มีการวางกระสอบทรายตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ช่วงรอยต่อกับ จ.นนทบุรี ทำให้น้ำในพื้นที่ไม่สามารถระบายได้ สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน จนไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติสุขได้ ทั้งนี้ นางทศสิริ พร้อมชาวบ้าน 4 อำเภอ ได้ขอให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวด้วยการสั่งให้ ศปภ.และ กทม.ระงับกู้ถนนสาย 340 และระงับการปิดประตูระบายน้ำหรือเสริมกระสอบทรายตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ช่วงรอยต่อ จ.นนทบุรี ด้านศาลปกครองได้นัดไต่สวนคู่กรณีทั้งสองฝ่ายในวันที่ 29 พ.ย.

ทั้งนี้ นางทศสิริ โอดครวญว่า “ทุกวันนี้ อยู่อย่างยากลำบาก กินนอนขับถ่ายบนชั้นสอง ทำให้เกิดความเครียดเพราะน้ำท่วมสูงมากว่า 1 เดือนแล้ว แถมยังมีขโมยอีก ได้ยินเสียงปืนไล่ขโมยทุกวัน” ด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ. ยังคงยืนยันว่า การกู้ถนนสาย 340 เป็นสิ่งจำเป็น แต่จะพยายามปรับไม่ให้ขวางทางน้ำ และให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. บอกว่า ไม่กังวลที่ถูกชาวบ้านฟ้องต่อศาลปกครอง โดยยืนยันว่า กทม.ไม่ได้บริหารงานหรือกระทำการใดผิดพลาด โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนมีเหตุมีผลสามารถอธิบายได้

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการแก้ปัญหาและเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ ทางกรุงเทพมหานคร ตระหนักถึงความห่วงใยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อราษฎรที่ประสบอุทกภัย กทม.จึงของดการจัดกิจกรรมไลท์ แอนด์ ซาวด์เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ซึ่งเดิมกำหนดจัดระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม ณ กำแพงพระบรมมหาราชวัง โดยจะโอนงบประมาณสำหรับจัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งตั้งไว้ประมาณ 30 ล้านบาท ไปจัดสร้างเขื่อนเพื่อเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมริมคลองมหาสวัสดิ์แทน

4.ป.ป.ช.ตั้งอนุ กก.ไต่สวน “สุพจน์” ร่ำรวยผิดปกติ พร้อมสั่งอายัดเงินที่ถูกปล้น 15 ล้าน ด้าน ตร.เตรียมเรียกเจ้าตัวสอบเพิ่ม หลังส่อให้การเท็จ!

เงินจำนวนหนึ่งที่ตำรวจยึดได้จากคนร้ายที่ปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม
ความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ย่านวังทองหลาง กทม.เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้แล้วบางส่วน เช่น นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชมชื่น และนายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงศ์ พร้อมของกลางเงินสดและทองรูปพรรณมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท พร้อมกันนี้ คนร้ายยังอ้างว่า ได้เงินไป 200 ล้านบาท และยังเหลือถุงใส่เงินในบ้านนายสุพจน์อีกประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ขณะที่นายสุพจน์ ปฏิเสธว่า ไม่จริง ใครจะเก็บเงินมากมายไว้อย่างนั้น ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งเด้งนายสุพจน์เข้ากรุ โดยให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีในทันที ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) ก็เตรียมตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและเส้นทางการเงินของนายสุพจน์แล้วนั้น

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำทีมเปิดแถลงผลการจับกุมคนร้ายที่ร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์เพิ่มเติม ประกอบด้วย นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน เป็นชาว จ.เชียงราย ,นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา เป็นชาว จ.นครพนม ,นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน เป็นชาว กทม. อยู่ย่านดอนเมือง และนายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี เป็นชาว กทม.อยู่ย่านภาษีเจริญ พร้อมของกลางเงินสดกว่า 13.7 ล้านบาท รวมกับเงินที่ยึดได้จากนายสิงห์ทอง และนายเสาร์แก้ว รวมเป็น 16 ล้านบาท

ต่อมา ได้มีผู้เข้ามอบตัวเพิ่มเติม คือ นายเลอศักดิ์ วิริยะกระษาปณ์ เป็นชาว จ.กาญจนบุรี โดยเผยเหตุที่เข้ามอบตัวว่า เพื่อความบริสุทธิ์ใจ พร้อมนำเงินที่นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊ง เคยนำมาฝากไว้ 1,500,000 บาทมามอบให้ตำรวจด้วย ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เผยว่า ยังเหลือคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในคดีนี้อีกหลายคน คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ ,นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นามวงศ์ ,นายคำนวณ หรือนวน เมฆน้อย ,นายประพันธ์ เรืองเครือ และว่า ล่าสุดได้รับการติดต่อจากนายชยธัช หรือเอก จันนะชัย เพื่อเข้ามอบตัวอีก 1 ราย

ทั้งนี้ นายชยธัช หรือเอก ได้เดินทางเข้ามอบตัวพร้อมกับนางชุติมา จันทร์ผ่อง มารดา ซึ่งเคยเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายสุพจน์ และเพิ่งขอเออร์ลี่รีไทน์ได้เพียง 6 เดือน โดยมีรายงานว่า นางชุติมาได้ปรับทุกข์กับลูกก่อนยื่นหนังสือลาออกจากงาน จึงสงสัยว่าอาจเป็นชนวนให้นายชยธัชมีความเจ็บแค้น จึงร่วมก่อเหตุดังกล่าว

ต่อมา 23 พ.ย. ได้มีคนร้ายเข้ามอบตัวอีก 1 ราย คือนายประพันธ์ เรืองเครือ เป็นชาว จ.ปทุมธานี โดยนายประพันธ์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับพวกที่ถูกจับ รู้จักแค่นายบุญสืบ โจมกัน เท่านั้น เพราะทำงานอยู่แผนกสโตร์อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ด้าน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า “สัปดาห์หน้าจะเรียกนายสุพจน์มาให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากครั้งแรกให้การเรื่องจำนวนเงินไม่ตรงกับของกลางที่ตรวจยึดได้ ซึ่งต้องพิจารณาถึงเจตนาว่าเข้าข่ายให้การเท็จหรือไม่” ส่วนการติดตามตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ หัวหน้าแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ ซึ่งมีข่าวว่าหลบหนีเข้าไปอยู่ในประเทศลาวนั้น พล.ต.ท.วินัย บอกว่า ได้ประสานตำรวจประเทศลาวให้ช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว หลัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงว่าอาจถูกฆ่าตัดตอน

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังแฉกลางสภา หลังนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยตั้งกระทู้ถามสดเรื่องปล้นบ้านนายสุพจน์ด้วยว่า งานนี้มีสาเหตุมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สีน้ำเงิน สีแดง ซึ่งตนเคยอภิปรายในสภามาแล้ว แต่ถูกประท้วง

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ออกมาโต้ ร.ต.อ.เฉลิม ที่กล่าวหาว่าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์พัวพันกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าฯ โดยชี้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมสร้างละครเท็จในสภา เพื่อกลบกระแสข่าว 2 ประเด็น คือ 1.การออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษและเตรียมออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ 2.กรณีที่ฝ่ายค้านตรวจสอบทุจริตการช่วยเหลือน้ำท่วม ซึ่งตนจะฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม และนายพิเชษฐแน่นอน “ขอบอกว่าฟ้องอยู่แล้วทุกช่องทางตามกฎหมาย ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และนายพิเชษฐ เพราะเอาความเท็จมากล่าวในสภาไม่ได้ และถ้าได้เงินมา จะนำไปมอบให้มูลนิธิคนปัญญาอ่อนทุกบาททุกสตางค์ เรื่องนี้มันแย่ ทำให้สังคมผิดเพี้ยนไปหมด เพราะเขียนบทให้โจรกลายเป็นฮีโร่ และสังคมก็เชื่อ ไม่รู้สังคมจะเป็นอย่างไรต่อไป”

ด้านที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีนายสุพจน์อาจร่ำรวยผิดปกติ โดยมีนายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ทั้งนี้ ป.ป.ช.จะไต่สวนใน 3 ประเด็น 1.ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ เนื่องจากนายสุพจน์ไม่เคยยื่นบัญชีทรัพย์สินที่ถูกปล้นต่อ ป.ป.ช.แต่อย่างใด 2.ร่ำรวยผิดปกติ และ 3.ทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ พร้อมกันนี้ ป.ป.ช.ยังมีมติให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 78 เพื่ออายัดเงินสดของนายสุพจน์ที่ตำรวจยึดได้จากคนร้ายกว่า 15 ล้านบาท พร้อมให้คณะอนุกรรมการไต่สวนพิจารณาว่าจะอายัดทรัพย์สินอื่นอีกหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น