“มาร์ค” ติงรัฐจัดงบไม่ตอบโจทย์ประเทศ ขาดการจัดลำดับความสำคัญ ห่วงรัฐมนตรีรุมทึ้งงบกลาง 1.2 แสนล้าน จนขาดความโปร่งใส พร้อมแนะทอนงบกลางลง 7 หมื่นล้านเข้าสู่งบปกติในชั้น กมธ.เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ พร้อมเสนอทบทวนตัดงบกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาและการบริการด้านสาธารณสุข แต่ควรทบทวน 4 โครงการประชานิยม
วันที่ 9 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2555 ว่า รัฐบาลจัดงบประมาณไม่ตอบโจทย์ประเทศ ขาดการจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งตนเกรงว่าจะมีการรุมทึ้งงบกลาง 1.2 แสนล้านบาท จนขาดความโปร่งใส
ผู้นำฝ่ายค้านแนะว่า นายกรัฐมนตรีควรทอนงบกลางลง 7 หมื่นล้านเข้าสู่งบปกติในช่วงการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญฯ พิสูจน์ความจริงใจในการใช้งบประมาณเพื่อส่วนรวม เพราะเชื่อว่ากว่าจะถึงกลางเดือนธันวาคมรัฐบาลต้องทราบแล้วว่าจะนำเงินไปใช้ในส่วนใดบ้าง แต่ถ้าถึงช่วงเวลาดังกล่าวแล้วยังไม่รู้ว่าจะใช้เงินเพื่ออะไร ตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายเงิน 7 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นเดือนกันยายนปีหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพราะรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจ้องใช้งบประมาณก้อนนี้เนื่องจากไม่ถูกตรวจสอบโดยรัฐสภา ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ยังเสนอให้รัฐบาลทบทวน 4 นโยบายไม่จำเป็นมาฟื้นฟูประเทศและจ้างงาน คือ รถยนต์คันแรกซึ่งจะทำให้รัฐขาดรายได้ 3 หมื่นล้านบาท สามารถนำเอาเงินส่วนดังกล่าวจ้างแรงงานได้ 1 ล้านคนในอัตรา 300 บาทต่อวันได้ถึง 3 เดือน เช่นเดียวกับนโยบายบ้ายหลังแรกราคา 3-5 ล้านบาท ควรใช้เงินส่วนดังกล่าวมาฟื้นฟูดูแลบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมจะมีความเหมาะสมมากกว่า
รวมถึงกรณีการแจกแท็บเล็ตวงเงินงบประมาณ 1,900 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน จึงควรปรับงบประมาณดังกล่าวมาฟื้นฟูให้ประชาชนใช้ชีวิตเป็นปกติได้โดยเร็วที่สุด เช่นเดียวกับการลดภาษีนิติบุคคลที่จะเริ่มในปีหน้า ควรจะกำหนดให้ตรงเป้าหมาย เช่น ให้สิทธิทางด้านภาษีเฉพาะกับผู้ประกอบการที่ไม่เลิกจ้างหรือมีความชัดเจาเรื่องน้ำท่วมจะทำให้ตรงเป้าหมายมากกว่า แต่ถ้าให้สิทธิเป็นการทั่วไปจะทำให้รัฐขาดรายได้ถึง 5.5 หมื่นล้านบาท โดยมีธุรกิจเพียง 4 ประเภทที่จะได้ประโยชน์ คือ อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร พลังงาน และภาคอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ยังสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายสองเรื่อง คือ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 และเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เเพราะจะเป็นการรักษากำลังซื้อของประชาชน ซึงจะช่วยประคองเศรษฐกิจในภาวะที่ภาคเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัว
นายอภิสิทธิ์ยังเสนอให้นายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับ รมว.คลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การเงินการคลังระยะกลางในช่วง 2-3 ปีหน้า และต้องทบทวนตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับสถานะการเงินการคลังตามความเป็นจริง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการเรียกความเชื่อมั่นจากประชาคมโลก มากกว่าที่รัฐบาลจะมุ่งใช้เงินลงทุน 9 แสนล้านบาทในโครงการนิวไทยแลนด์ และควรประเมินให้ชัดว่าจะมีวิธีการจัดการเรื่องการเงินการคลังอย่างไร เป็นภาระงบประมาณเท่าไหร่ เงินกู้เท่าไหร่ โดยเชื่อว่าการขาดดุลงบประมาณปีหน้าจะสูงมากกว่า 4 แสนล้านบาท
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลตัดงบประมาณในส่วนการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาและการบริการด้านสาธารณสุขลงด้านละ 7 พันล้านบาท เพราะเห็นว่าแม้ประเทศจะประสบวิกฤตน้ำท่วมแต่การดูแลคุณภาพชีวิตและการศึกษาต้องไม่ได้รับผลกระทบ จึงขอให้รัฐบาลเติมงบประมาณส่วนนี้คืนให้ลูกหลานและประชาชน รวมทั้งคืนงบ 3 พันล้านบาทที่ตัดออกจากงบประมาณการแก้ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ด้วย