เปิดเวทีถล่ม “ยิ่งลักษณ์-ศปภ.” ลากวิกฤติน้ำท่วมเข้าสภาฯ

รายงานการเมือง โดย แสงตะวัน

ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 4 วันติดต่อกัน หลังจากสภาได้หยุดงานมาถึง 4 สัปดาห์เต็ม

ตามโปรแกรมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเริ่มจากวันพุธที่ 9 และพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย.2554 ตามลำดับ จะเป็นการประชุมสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 วาระแรก

คาดว่า จะประชุมกันจนดึกดื่นเกินเที่ยงคืนแน่นอน โดยเฉพาะวันสุดท้าย 10 พ.ย.2554 อาจเกินตีสอง หากว่าไม่มีการขยายวันพิจารณาออกไป

ส่วนวันที่ 11 และ 12 พ.ย.2554 ก็จะมีการประชุมสภา วาระปกติ ที่จะคาบเกี่ยวในช่วงวันหยุดราชการด้วย คือ วันเสาร์ที่ 12 พ.ย.2554

ถ้าเลื่อนการประชุมอีก สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรโดนเฉ่งหนักแน่

เพราะ ส.ส.ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ต่างก็ขอจองสิทธิอภิปรายกันอย่างเต็มที่ อย่างฝ่ายค้านแค่ประชาธิปัตย์พรรคเดียว เบื้องต้นก็แจ้งความจำนงขออภิปรายกันเกิน 70 คนไปแล้ว แล้วยังมี ส.ส.รัฐบาลจากทั้งพรรคเพื่อไทย-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน-พลังชล อีก

นับรวมแล้วทะลุเกิน 120 คนแน่นอน

การประชุมสภา ทั้ง 4 วัน แม้ไฮไลต์หลักจะอยู่ที่การพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 55 ที่มี วงเงินทั้งสิ้น 2,380,000 ล้านบาท

อันมีตัวเงินหลักๆ เช่น งบกลาง 420,601,127,400 บาท หรืองบเพื่อการเยียวยา ฟื้นฟู และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประสบอุทกภัยและป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการที่จะอยู่ในงบกลาง 120,000 ล้านบาท

แต่เนื้อหาและประเด็นการอภิปราย แม้ฝ่ายค้านไม่บอก คนทั้งประเทศก็ต้องรู้ว่า จะเป็นการลากมหาภัยน้ำท่วมที่กำลังกลืนกินกรุงเทพมหานคร เข้ามาอภิปรายในสภา ทั้งในช่วงการอภิปราย พ.ร.บ.งบรายจ่าย 55 และในการประชุมสภา วันที่ 11-12 พ.ย.ซึ่งมีวาระค้างพิจารณาเรื่องญัตติปัญหาน้ำท่วมที่สภา ถกกันมาหลายสัปดาห์ ตั้งแต่น้ำท่วมยังจ่อกรุงเทพฯ อยู่ที่ ลพบุรี-สิงห์บุรี จนวันนี้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครแล้ว เชื่อได้ว่า จะทำให้การประชุมสภา เพื่อพิจารณาญัตติน้ำท่วมนี้ดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น หากไม่มีการเลื่อนประชุมสภาออกไปเสียก่อน

เนื้อหาหลักที่ฝ่ายค้านลับมีดจะอภิปรายในเรื่อง “น้ำท่วม” คงเน้นไปที่วันพิจารณางบปี 55 มากกว่า ซึ่งก็คือ การหวดไปที่ความด้อยประสิทธิภาพในการรับมือ และแก้ปัญหาน้ำท่วมของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) พ่วงไปกับการอภิปรายงบรายจ่ายปี 55 ใน 3 กรอบหลักของงบปี 55 คือ การเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจ และด้านสังคม ที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอุทกภัยในมุมต่างๆ สอดแทรกอยู่ในงบทั้ง 3 กลุ่ม และทุกกระทรวงที่เปิดโอกาสให้

แต่คงจะเน้นไปที่ตัวหลัก คือ งบกลาง-งบช่วยเหลือผู้ประสบภัย-งบฉุกเฉิน และงบของแต่ละกระทรวง คือ เข้ามาตราไหนของงบประมาณกระทรวงไหนก็ตาม เชื่อได้ว่า ต้องมีการอภิปรายเน้นความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล และ ศปภ.ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ได้เห็นตลอด

เพราะนี้คือเวทีซึ่งฝ่ายค้านจะต้องแสดงให้ประชาชนเห็นให้ได้ว่า ยิ่งลักษณ์ และ ศปภ.ล้มเหลวบกพร่องตรงไหน ยิ่งตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนร่วมๆ 3 ล้านคน ธุรกิจหลายแขนงเดือดร้อนแสนสาหัส อารมณ์และความโกรธของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

ฝ่ายค้านก็ต้องหวังใช้เวทีนี้อภิปรายตอกย้ำความผิดพลาดของรัฐบาล และเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมออกมาให้ดีที่สุด เพื่อเรียกคะแนนให้กับตัวเอง

โดยเฉพาะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่คงใช้เวทีนี้อภิปรายให้ประชาชนเห็นให้ได้ว่าความผิดพลาดในการรับมือน้ำท่วมครั้งนี้ของยิ่งลักษณ์ ว่าอยู่ตรงไหน และควรแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อเป็นการทำให้สังคมเห็นว่าฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่ใช่จ้องจะอภิปรายตำหนิอย่างเดียว แต่เสนอแนะด้วย

จะได้เข้ากับกระแสประชาชนจำนวนมาก ที่ต้องการเห็นความเป็นหนึ่งเดียวกัน รอให้ผ่านวิกฤตนี้ไปก่อน แล้วค่อยไปเช็กบิลกับยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่สาย

ซึ่งทิศทางการอภิปรายของฝ่ายค้าน รวมถึงอาจมี ส.ส.รัฐบาลบางส่วนอาจผสมโรงด้วยตรงนี้ต้องจับตาดูให้ดี เช่น อาจมี ส.ส.เพื่อไทย ในพื้นที่น้ำท่วมหลายจังหวัด อาจอาศัยเวทีนี้ ตีชิ่งไปถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่ในการดูแลของธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า มีส่วนสำคัญในการต้องรับผิดชอบกับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเพื่อตัดความรับผิดชอบไม่ให้ถึงตัวยิ่งลักษณ์ นายหญิงของพรรคเพื่อไทย

โดยรูปแบบการอภิปรายของฝ่ายค้าน ที่แพลมออกมาแล้ว ก็เช่น การจะอภิปรายให้รัฐบาลตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนของงบโครงการประชานิยมทั้งหลายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก โครงการรับจำนำข้าว เพื่อเอางบไปใช้แก้ปัญหาน้ำท่วม หรือการเสนอให้เพิ่มวงเงินการปรับลดงบของแต่ละกระทรวงให้มากขึ้นจากเดิมที่จะให้ทุกกระทรวงปรับลดงบลง 10 เปอร์เซ็นต์ ฝ่ายค้านก็จะเสนอให้ตัดมากขึ้น เพื่อเอามาดูแลภาคธุรกิจและประชาชน

นอกจากนี้ จะแตะแบบเน้นๆ ไปที่ข้อเป็นห่วงเรื่องการทุจริต และความไม่โปร่งใสในการใช้งบปี 55 เกี่ยวกับน้ำท่วมหลายตัว เช่น งบกลาง 1.2 แสนล้านบาท งบยุทธศาสตร์ป้องกันอุทกภัย 4.5 หมื่นล้านบาท งบฉุกเฉิน 6.6 หมื่นล้านบาท ที่ฝ่ายค้านจะต้องพยายามอภิปรายถามรัฐบาล ว่า การกำหนดวงเงินดังกล่าวใช้หลักเกณฑ์อะไร แล้วหากจะนำไปใช้ฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลดและการป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมในปีหน้าจะทำอย่างไร มีรายละเอียดแผนงานอะไรบ้าง การเบิกจ่ายจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตและการเลือกปฏิบัติว่านำเงินไปช่วยเหลือแต่ประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งของฝ่ายรัฐบาลหรือเพื่อหวังผลทางการเมือง

สไตล์ของประชาธิปัตย์เดาทางได้ไม่ยาก เชื่อว่า ต้องมีการนำประเด็นต่างๆ ขึ้นมาพยายามดิสเครดิตรัฐบาลเอาไว้ก่อนว่าเป็นห่วงการทุจริต อันจะต้องยกเรื่องกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นข่าวก่อนหน้านี้

เช่น การจัดซื้อถุงยังชีพแจกจ่ายประชาชนของ ศปภ.และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีราคาสูงเกินจริง-การเลือกปฏิบัติในการนำสิ่งของบริจาคไปแจกให้ประชาชนที่พื้นที่เลือกตั้งของ ส.ส.เพื่อไทย หรือพื้นที่คนเสื้อแดงจะได้รับของมากเป็นพิเศษ และได้เร็วกว่าพื้นที่อื่น-เรื่องนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับของบริจาคที่ประชาชนบริจาคให้ ศปภ.ที่ฝ่ายค้านจะต้องพยายามโยงว่าขนาดของบริจาค ยังมีการเมืองเข้าไปแล้วเงินงบประมาณจำนวนมหาศาล รัฐบาลจะมีหลักประกันได้อย่างไรว่าจะไม่มีการทุจริต

ขณะที่ภาพใหญ่ก็ต้องเน้นว่าทิศทางการแก้ปัญหาหลังน้ำลดของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน มุ่งเน้นอัดฉีดที่ตัวเงินในการออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา แต่ไม่มีแนวทางสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว อันเชื่อว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคน ต้องอภิปรายเรื่องแนวคิด นิวไทยแลนด์ ในเชิงไม่เห็นด้วยกันหลายคน

อภิปรายงบ 2 วัน 2 คืน คงเป็นเวทีการเมืองที่ฝ่ายค้าน-รัฐบาล ซัดกันไปมาหนักแน่นอน หลังไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมาตั้ง 4 สัปดาห์กว่า ซึ่งเพื่อไทยเองก็เตรียมตั้งรับไว้แล้ว

อย่างเช่น หากมาอัดเรื่องทุจริตของบริจาค เพื่อไทยก็เตรียมสวนกลับเรื่องปลากระป๋องเน่าสมัยน้ำท่วมในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แน่นอน

นอกจากนี้ ก็เตรียมตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์ ปู-ยิ่งลักษณ์ ไว้เป็นทีมเล็กๆ เอาไว้คอยเป็นด่านหน้าไม่ให้ฝ่ายค้านแตะยิ่งลักษณ์ได้ถนัด เพราะขืนโดนซัดหนัก เกิดยิ่งลักษณ์ ต่อมน้ำตาแตกขึ้นมา ร่ำไห้กลางสภา แบบที่นครสวรรค์เมื่อหลายวันที่ผ่านมา

นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร คงเฉ่งพวกทีมองครักษ์-วิปรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยับเยินแน่นอน