xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าน้ำตามมาล้อม ศปภ.ถึงแยกลาดพร้าวซ้ำอีก แล้วจะเหลืออะไร!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้เป็นไปได้สูงยิ่งที่น้ำจะไหลบ่ามาทางถนนพลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิต และเอ่อล้นมาถึงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่ในตึกเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ ของกระทรวงพลังงาน ซึ่งก็เปรียบเสมือนศูนย์บัญชาการของรัฐบาล หลังจากที่ต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินถอยร่นทิ้งฐานที่มั่นในสนามบินดอนเมืองเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

ทิ้งเสบียง ยุทธภัณฑ์ เอาไว้เกลื่อนกลาด รวมไปถึงทอดทิ้งมวลชนเอาไว้เผชิญชะตากรรมเอาไว้ข้างหลัง

หากพิจารณาจากความเป็นจริงก็คงเป็นไปไม่ได้ว่าระดับน้ำคงไม่มีปัญญาขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นที่ 15 ของอาคารซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าวได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อใดก็ตามเมื่อน้ำไปถึงเพียงแค่ด้านหน้าของอาคาร ความหมายก็จะต่างกันทันที

ลองหลับตานึกภาพเอาง่ายๆ ก็ได้ว่า การหนีน้ำท่วมย้ายกองบัญชาการถอยไปเรื่อยๆ แต่น้ำก็ยังตามไปถึงทุกที่ มันก็หมายถึงความ “บ้อท่า” ห่วยแตกของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง โดยที่ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญมันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งต่อประชาชน และนักลงทุนทั่วไปจะลดต่ำลงเหลือศูนย์ทันที

การผิดพลาดซ้ำซากมันย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน ครั้งแรกหากจะแก้ตัวว่า “คาดไม่ถึง” เพราะคิดว่า “เอาอยู่” มาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อต้องย้ายกองบัญชาการแห่งใหม่ ไม่ทันถึงสัปดาห์ แต่ก็ยังถูกน้ำท่วมอีกมันก็ย่อมดูไม่จืดแน่นอน และที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้นำประเทศจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เปรียบเหมือนการรบที่แตกพ่ายต้องแตกพ่าย ทิ้งกองบัญชาการใหญ่ ทิ้งเสบียง ทิ้งไพร่ทหารเลวเอาไว้ข้างหลังไว้เกลื่อนกลาด มันก็ย่อมทำให้คนที่เดินตามขวัญเสียอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำการรบทุกสมรภูมิที่ผ่านมาทุกแห่งยังพ่ายแพ้ย่อยยับตามรายทาง มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ และเมื่อต้องถอยมาตั้งมั่นอยู่ที่ชัยภูมิใหม่ก็ยังคุยโม้อีกว่าชนะแน่ นั่นคือ “น้ำไม่ท่วม” ทั้งที่ในความเป็นจริงน้ำได้ตามไล่หลังมาแล้วก็ตาม

ที่ผ่านมีเสียงวิจารณ์รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างรุนแรงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากไม่สามารถบรรเทาความเสียหายจากน้ำท่วมได้เลย โดยเฉพาะการบริหารจัดการเต็มไปด้วยความสับสน ไม่มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามารับผิดชอบ ประเภทใช้คนไม่ถูกกับงาน คนส่วนใหญ่ที่อยู่ข้างกายและมีบทบาทในรัฐบาลของเธอ ทั้งที่ในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ดอนเมือง ส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดมีแต่พวกนักการเมืองอ่อนหัด ไม่เคยมีความรู้เรื่องน้ำ เพียงแต่ต้องการฉกฉวยสถานการณ์เพื่อหาเสียงเท่านั้น

ภาพของความปั่นป่วนโกลาหลภายในศูนย์ทั้งในเรื่องของการ “กั๊ก” ของบริจาค หรือการแย่งชิงในพวกเดียวกันเองจนเป็นข่าวสาวไส้เปิดโปงออกมาล้วนแล้วแต่เป็นของจริงทั้งสิ้น จนทำให้ชาวบ้านภายนอกส่วนใหญ่มองดูด้วยความรู้สึกรังเกียจ และอย่าได้แปลกใจที่การบริจาคที่ศูนย์ปฏิบัติการฯของรัฐบาลจะลดลงอย่างฮวบฮาบ ล่าสุดผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีก็ยอมรับก่อนหน้านี้ว่าการบริจาคจากภายนอกลดลงทำให้ต้องของบประมาณเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อถุงยังชีพอีกนับแสนชุด เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชน

นอกจากนี้ ภาพสะท้อนการบริหารสั่งการของนายกรัฐมนตรีหลังจากที่เข้ามาแทรกแซงการบริหารของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยการประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 31 ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่กล้าบังคับใช้กฎหมายอย่างอย่างเข้มงวด เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ดังที่เกิดขึ้นที่คลองสามวา ซึ่งรัฐบาลไม่กล้าจัดการแก้ปัญหาให้เด็ดขาด เนื่องจากเกรงกระทบกับมวลชนของตัวเอง

อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินผลเสียหายที่ตามมา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีผลเสี่ยงทำให้เขตเศรษฐกิจชั้นในที่เหลืออยู่ต้องเสียหาย ทำให้เกิดแรงกดดันให้รัฐบาลต้องเข้ามาควบคุม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสียงดังของ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว สุขุมพันธุ์ บริพัตร บีบให้นายกรัฐมนตรีต้องใช้กำลังควบคุมสถานการณ์ ทำให้ไม่มีทางเลือก แต่ก็สายไปอีกในทางการเมืองก็ถือว่าพ่ายแพ้ไปอีก เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้สั่งการให้ตำรวจเข้าควบคุมและป้องกันประตูน้ำดังกล่าวตั้งแต่ต้น จนเกือบบานปลาย

เพราะถ้าประตูน้ำพังทลาย และน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในและนิคมอุตสาหกรรม ความผิดก็ต้องตกอยู่กับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เต็มๆ ขณะที่ ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ ได้ประกาศกร้าวมาแล้วว่า กรุงเทพฯไม่ยินยอมให้เปิดบานประตูเกิน 80 เซนติเมตร ขณะที่รัฐบาลกลับทำตามแรงกดดันของมวลชนในระดับที่ 1 เมตรรวมถึงไม่ป้องกันจนเกิดการทำลายหูประตูน้ำจนทำให้น้ำเริ่มทะลักจนเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นั่นคือสภาพความเป็นจริงที่สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่หลายฝ่ายมองว่าไม่มีความพร้อมในการเป็นผู้นำ ขาดแม้กระทั่งความรู้รอบตัว

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่น้ำกำลังเริ่มไหลเข้ามาประชิด ห้าแยกลาดพร้าวอันเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการใหญ่แห่งใหญ่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงรับรองว่าความเชื่อมั่นจะเหลือศูนย์ และผลเสียที่จะตามมาก็คงสุดจะคาดคิด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น