“สุกำพล” สั่งเคลียร์ผักตบชวาขวางทางน้ำ แทนการเจาะถนน ระบุสำรวจทางน้ำแล้วพบหากเจาะน้ำจะท่วมขังแทนการไหลออก เชื่อขุดลอกสิ่งกีดขวางออกช่วยได้ดีกว่า เผยเตรียมรถเมล์ 3 พันคันอพยพคน กทม. 3.5 แสนคนอพยพหากสถานการณ์วิกฤต
วันนี้ (28 ต.ค.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงข้อเสนอของเอกชนในการเจาะถนนเพื่อเป็นเส้นทางระบายน้ำว่า ตนขอขอบคุณเอกชนที่เสนอแนวคิดนี้ แต่สิ่งไหนที่ดำเนินการได้รัฐก็จะทำ แต่จากการสำรวจสภาพพื้นที่โดยกระทรวงคมนาคมเห็นควรว่าไม่ต้องเจาะถนนในเส้นทางใด เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์และความลาดชันของพื้นที่ พบว่าฝั่งซ้ายและขวาของแนวถนนมีระดับเท่ากัน ดังนั้นเมื่อเจาะถนนแล้วน้ำจะไหลเข้าท่วมทั้งสองฝั่งในระดับเท่ากัน กลายเป็นน้ำขังในทุ่งไม่สามารถไหลไปไหนได้ จึงไม่มีผลเรื่องของการระบายน้ำ จึงเห็นควรให้มีการขุดลอก เพื่อนำสิ่งกีดขวางตามลำน้ำและคลองระบายน้ำลงสู่ทะเล เนื่องจากพบว่าหลายจุดอาทิ ตามคอสะพานมีแนวสันดอน ตลอดจนผักตบชวาเป็นสิ่งกีดขวางจำนวนมาก แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าจะช่วยระบายน้ำเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็น แต่หากน้ำไหลสะดวกก็จะระบายลงทะเลได้เร็วขึ้น
รมว.คมนาคมกล่าวต่อไปว่า ปัญหาการระบายน้ำผ่านฝั่งตะวันออกของ กทม.ที่พบคือ มีคลองระบายน้ำค่อนข้างน้อยและส่วนใหญ่เป็นแนวขวาง และมีคันกั้นน้ำที่ค่อนข้างแข็งแรงทำให้ระบายน้ำได้ยาก ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นมาทางฝั่งตะวันตก ค่อนข้างมาก เพราะมีคันกั้นที่อ่อนแอกว่า อย่างไรก็ตาม คิดว่าพื้นที่ทุ่งรังสิตที่ท่วมขังแล้วสามารถใช้เป็นพื้นที่รับน้ำได้ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีความหนาแน่นของที่พักอาศัยไม่มากและสามารถสูบและระบายผ่านลำคลองลงสู่ทะเลได้
รมว.คมนาคมกล่าวถึงการอพยพประชาชนออกจาก กทม.หากเกิดวิกฤตว่า กระทรวงคมนาคมได้เตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยประมาณการตัวเลขผู้อพยพในกรณีวิกฤตไว้ที่ 350,000 คน โดยมีการเตรียมรถเมล์ ขสมก.ไว้ 3,000 คัน คันละ 40 คน ดังนั้น ในหนึ่งเที่ยวจะขนได้หนึ่งแสนคน โดยแบ่งการดำนินการเป็นช่วงๆ โดยจัดรถบรรทุกที่มีความสูงไว้ 200-300 คัน ไปรับผู้อพยพในพื้นที่น้ำท่วมสูง มาส่งต่อให้รถเมล์ และส่งต่อให้รถ บขส. เพื่อกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ คาดว่าจะรับมือได้ เพราะการประกาศพื้นที่วิกฤตจะประกาศเป็นส่วนๆ ทำให้ทยอยอพยพได้