ผ่าประเด็นร้อน
นาทีนี้รัฐบาลโดยศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสพอุทกภัย (ศปภ.) ได้ประกาศ “ยอมแพ้” อย่างไม่เป็นทางการแล้ว เพราะได้มีการระบุกันแบบตรงๆ เป็นครั้งแรกแล้วว่าน้ำจะท่วมทั่วกรุงเทพมหานคร เพียงแต่ว่ามีระดับน้ำท่วมสูงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่มีความสูงต่ำลาดเอียงแค่ไหน
สรุปก็คือ เวลานี้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครแน่นอน โดยจะท่วมทั่วทุกพื้นที่เพียงแต่ว่าน้ำยังไหลมาไม่ถึง แผ่กระจายมาอย่างช้าๆ เท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ทำให้ต้องมาเตรียมการเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตกันอย่างไร เพื่อให้ตัวเองได้รับผลกระทบและเดือดร้อนให้น้อยที่สุด
นับจากนี้ไปไม่ต้องไปฟังการแถลงของ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) ของรัฐบาลในลักษณะเอาจริงเอาจังเป็นอันขาด สิ่งที่ทำได้ก็คือ ให้ประมวลข้อมูลของตัวเองที่มีอยู่ แต่ให้ฟังการแถลงของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นหลัก เพื่อป้องกันความสับสนจนเพิ่มความเครียดให้สติแตก อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้พร้อมก็คือ เก็บของขึ้นที่สูงในที่ปลอดภัย และเตรียมตัวอพยพออกไปชั่วคราวได้แล้ว และสิ่งที่ต้องตระหนักก็คือให้ “ทยอย” ออกไป เพื่อป้องกันความโกลาหล
เนื่องจากหากรอประกาศของทางการแล้วอพยพไปพร้อมๆ กัน ลองนึกดูก็แล้วกันว่า ประชากรในกรุงเทพมหานครมีมากนับสิบล้านคน พิจารณาเฉพาะแค่มีคนอพยพนับล้านคนมันจะวุ่นวายแค่ไหน รถราจะติดหนึบแค่ไหน ที่สำคัญทำให้การเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ฉุกเฉินทำได้ลำบากมากขึ้น
ขณะเดียวกัน นาทีนี้ป่วยการที่จะกล่าวตำหนิรัฐบาล และนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์
ชินวัตร รวมไปถึงศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เพราะเสียเวลาเปล่า และจะยิ่งเพิ่มความเครียด ไม่มีประโยชน์ใดๆ ในทางตรงกันข้ามคิดเหมือนกับว่าเราไม่มีรัฐบาล หรือมีก็เหมือนไม่มี พึ่งพาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้น
ที่สำคัญเวลานี้ทางศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กำลังสาละวนอยู่กับการสูบน้ำออกจากศูนย์บัญชาการที่สนามบินดอนเมือง และเชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะกลายเป็นผู้ประสบภัยรายใหม่ เอาตัวไม่รอด สถานการณ์เลวร้ายไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปแล้ว ดังนั้นอย่าไปหวังพึ่งสติปัญญาของคนพวกนี้เป็นอันขาด ตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นภาระของคนอื่นเสียอีก โดยเฉพาะการงุบงิบของบริจาคโดยไม่ลงทุน ดังที่เกิดเป็นข่าวอื้อฉาวน่ารังเกียจอยู่เป็นระยะ
สถานการณ์ในเวลานี้น้ำเริ่มทะลักเข้าทางพื้นที่ด้านเหนือ คือ ดอนเมือง หลักสี่ เข้ามาถึงแยกลาดพร้าว ดินแดง มาถึงเขตชั้นใน ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ด้านตะวันตก เช่น เขตบางพลัด ทวีวัฒนา และพื้นที่ฝั่งธนบุรีทั้งหมด ส่วนฝั่งตะวันออก ก็คือพื้นที่เขตสายไหม ซึ่งเขตดังกล่าวเป็นพื้นที่ชั้นนอกรับน้ำเป็นด่านหน้า จะต้องอพยพออกไปก่อน
ส่วนพื้นที่ชั้นในเข้ามา หรืออยู่หลังแนวคันกั้นน้ำสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ต้องอพยพรวมถึงเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้ เพราะสถานการณ์นับจากนี้ไปสถานการณ์วิกฤตขึ้นเรื่อยๆ หากยังนอนใจและยังเชื่อข้อมูลปลอบใจและฟังคำแถลงในตอนนั้นจะเกิดโกลาหลอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ถ้าจะให้ย้ำก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครเวลานี้เข้าขั้นวิกฤติ และน้ำจะทะลักเข้าท่วมทุกเขต ทุกพื้นที่เพียงแต่ว่าระดับน้ำจะสูงต่ำไม่เท่ากันเท่านั้นเอง ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือจะต้องประเมินสถานการณ์จากข้อมูลที่มีอยู่ และมีทางเลือกอยู่สองทาง นั่นคือ จะสามารถอยู่ร่วมกับน้ำที่ท่วมขังได้นานแค่ไหน และสองต้องอพยพออกไปทันที
