“เทพไท” อัดรัฐบาลรู้เห็นเป็นใจให้ทนายต่างชาติป่วนประเทศ

“เทพไท” อัดรัฐบาลรู้เห็นให้ทนายต่างชาติเข้ามาสร้างความวุ่นวายในไทยเพื่อประโยชน์ตัวเอง ทั้งที่มีคดีติดตัว ยันบอร์ด อสทม ไม่ใช่คน ปชป. ระบุถอดถอน 2 รมต.เกี่ยวข้องไม่มีวาระซ้อนเร้น ไล่ฝ่าย กม.เพื่อไทยกลับไปอ่านกฎหมายให้รอบคอบก่อนยกมาปิดปากคนอื่น

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย ยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม นายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังเสร้างความวุ่นวายอยู่ในประเทศขณะนี้ว่า เป็นเรื่องของคนต่างชาติที่ทำตัวเป็นมือปืนรับจ้างเข้ามากวนน้ำให้ขุ่นสร้างความแตกยก ทำลายบรรยากาศความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมคนในรัฐบาลจึงพยายามที่จะอำนวยความสะดวกและเปิดทางให้คนต่างชาติเข้ามาเคลื่อนไหวสอดรับกับขบวนการของคนเสื้อแดงอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย โดยให้คนต่างชาติคนนี้มีสิทธิ์ไปเยี่ยมผู้ต้องหาในเรือนจำ ไปพบรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเข้าไปร่วมกับกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน โดยนายโรเบิร์ตอ้างว่าตัวเองเป็นพยานในเหตุการณ์ความวุ่นวายเดือน พ.ค.53 ทั้งๆ ที่นายโรเบิร์ตไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวเลย แล้วจะมาเป็นพยานได้อย่างไร

นายเทพไทกล่าวว่า การที่นายโรเบิร์ตโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่ากีดกันไม่ให้เข้าประเทศนานถึง 3 เดือนนั้นยันว่าไม่ได้กีดดัน แต่ที่นายโรเบิร์ตไม่กล้าเข้าประเทศเพราะมีแบล็คลิสต์อยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพราะถูกแจ้งความจำเป็นคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 และหมิ่นศาลตามมาตรา 98 จึงไม่กล้าเข้ามา แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายโรเบิร์ตก็ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในฐานะทนายความเข้ามาในประเทศด้วยความรู้เห็นเป็นใจของคนในรัฐบาล

ส่วนที่นายโรเบิร์ตยืนยันว่าความเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้จ้องโจมตีประเทศไทยนั้น นายเทพไทกล่าวว่า อยากถามว่าการพูดพลาดพิงสถาบันเบื้องสูง การดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นการโจมตีประเทศไทยหรือไม่ การเพียรพยายามที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกถอดถอนออกจากองค์กรเสรีนิยมสากล (The Liberal international) ก็ขอให้นายโรเบิร์ต ไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ไม่ควรที่จะเคลื่อนไหวในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และนายจ้างอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ บนความเดือดร้อนจากอุทกภัยของคนไทยทั้งชาติ

นายเทพไทในฐานะ รมต.ประจำสำนักฯเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้งใน อสมท ว่า คงปล่อยให้ผู้รับผิดชอบได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายและยืนยันว่าทั้งบอร์ดและผู้บริหาร อสมท ไม่ใช่คนของพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น

ส่วนการที่นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ที่พยายามยกกรณีการต่ออายุสัญญาสัมปทานของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในรัฐบาลที่ผ่านมาว่ามีหลักฐาน และพร้อมที่จะแสดงออกมานั้น ตนเห็นว่าก็เป็นสิทธิ์ที่นายพิชิตจะดำเนินการได้ เพราะรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ก็สามารถเอาผิดได้ หากเห็นว่าเกิดความไม่ชอบมาพากล พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมให้ตรวจสอบ แต่เชื่อมั่นว่าทุกอย่างได้ทำถูกขั้นตอนตามกฎหมายทุกประการ

นายเทพไทกล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอน 2 รัฐมนตรีว่ามีวาระซ้อนเร้นทางการเมืองนั้น ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีการกระทำความผิดตามมาตรา 48, 266 และ 268 จริง พรรคประชาธิปัตย์จึงดำเนินการตามมารา 270 และถ้าหากว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 คนมีความผิดตามมาตรา 270 จริง พรรคก็จะดำเนินการเอาผิดตามคดีอาญาตามมาตรา 157 ด้วย ดังนั้น การที่นายพิชิตออกมาข่มขู่ว่าคนที่ยื่นถอดถอนรัฐมนตรีทั้ง 2คนระวังจะกลายเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ฟ้องกับได้นั้น ตนอยากชี้แจงว่า การยื่นถอดถอน 2 รัฐมนตรีเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การกล่าวโทษร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน จะเป็นการแจ้งความเท็จได้อย่างไร อยากให้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยกลับไปดูข้อกฎหมายให้รอบครอบก่อนที่จะยกข้อกฎหมายมาปิดปากผู้อื่น ไม่ให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อพวกพ้องของตัวเอง

นายเทพไทกล่าวว่า ความคืบหน้าของการยื่นถอดถอนนั้น อาจจะมีการเลื่อนออกไปจากสัปดาห์นี้ เนื่องจากสภาฯงดประชุม จึงไม่มีการประชุม ส.ส.ของพรรค ไม่สามารถให้ ส.ส.ของพรรคลงชื่อได้ครบ 1 ใน 4 หรือ 125 คนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้ แต่ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วรอเพียงรายชื่อ ส.ส.ของพรรคให้ครบเท่านั้น