ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ด่านศุลกากรสะเดาจับผู้ลักลอบนำจิงโจ้บินจากมาเลเซียส่งขายไทย พ่อค้าชาวมาเลย์ไหวตัวทันกระโดดหนีกลับประเทศ ทิ้งคนขับรถรับเคราะห์พร้อมของกลางลูกจิงโจ้บินกว่า 50 ตัว
วันนี้ (10 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. สืบเนื่องจากนายบุญเทียม โชควิวัฒน์ นายด่านศุลกากรสะเดา ได้สั่งการให้นายศิวกฤษฎิ์ เจนวิพิชย์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมทางศุลกากร และนายสยาม อินทวงษ์ หัวหน้างานด่านพรมแดนสะเดา ตรวจขันเข้มงวดเรื่องยาเสพติด น้ำมันเถื่อน และสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดรวมถึงการลักลอบนำเข้าสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ตามบริเวณชายแดน
โดยขณะเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของนายด่านศุลกากร พบรถยนต์เก๋ง 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแอลติส สีเทาเงิน ทะเบียน กร-8717 สงขลา นั่งขับมา 2 คน มีพิรุธ เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดรถ ผู้โดยสารที่นั่งข้างคนขับซึ่งเป็นชาวมาเลเซียได้วิ่งหนีออกจากรถกลับเข้าไปทางประเทศมาเลเซีย ทิ้งไว้เฉพาะรถที่เป็นพาหนะและคนขับ เจ้าหน้าที่จึงนำไปที่ด่านทำการเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
ตรวจพบตัวจิงโจ้บิน (บ่าง) จำนวน 52ตัว อยู่ในตระกร้าสีขาว ซุกซ่อนอยู่ในบริเวณที่วางเท้าหลังคนขับ สอบสวนทราบชื่อภายหลังคือ นายสมบูรณ์ หมัดหมีน อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/2 หมู่ 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ให้การว่า ตนเองเป็นแค่คนขับรถรับจ้างส่งของให้กับเจ้าของชาวมาเลเซีย โดยตนมีหน้าที่ขับไปส่งให้กับคนไทยที่จะมารับหน้าด่านไทยเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.สะเดา เพื่อดำเนินคดี ตามมาตรา 27, 27ทวิ และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร 2496 พร้อมทั้งได้ยึดตัวจิงโจ้บิน (บ่าง) ทั้งหมด 52 ตัว เพื่อให้หน่วยงานสัตว์ป่าสะเดามารับ และนำปล่อยสู่ธรรมชาติที่ศูนย์ฟื้นฟูพันธ์สัตว์ป่าบริเวณป่าโตนงาช้างต่อไป
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรไซเตส (CITES-Convention on international Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora) จากประเทศสมาชิกผู้ลงนามแล้วถึง 163 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2546 เพื่อการป้องกันชนิดพันธุ์ของสัตว์ และพันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือมีแนวโน้มที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การค้าระหว่างประเทศทั้งหมด ที่มีการนำเข้า หรือส่งออกสัตว์ป่าหรือสัตว์ใกล้สูญพันธ์ ต้องผ่านขบวนการอนุญาตจาก CITES เสียก่อน