ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อติดตามคดีที่มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง เมื่อช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นในช่วงเช้าได้เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มเสื้อแดง ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
ตกบ่าย นายอัมสเตอร์ดัม พร้อมด้วยนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานนปช. เปิดแถลงข่าวที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว รังของกลุ่มเสื้อแดง บอกถึงจุดประสงค์ในการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อติดตามคดีดังกล่าว โดยจะร่วมทำงานกับทนาย นปช. ชาวไทย
"ผมต้องการจะยุติในเรื่องที่ทหารคือผู้กระทำความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ" นายอัมสเตอร์ดัม กล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงการแถลงข่าว นายอัมสเตอร์ดัม ยังเลยเถิดไปถึงเรื่องการแก้กฎหมาย
อาญา มาตรา 112 เกี่ยวกับการป้องกัน การดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า คงเป็นเรื่องยาก เพราะยังมีมือที่มองไม่เห็นควบคุมอยู่ จำเป็นต้องใช้เวลา และการศึกษาหาช่องทางอย่างลึกซึ้ง
แน่นอน ในความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ที่ได้รับทราบข่าวนี้ ต่างมีความรู้สึกว่า นายอัมสเตอร์ดัม ช่างเหิมเกริมนัก
ขณะที่ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการจับกุมนายอัมสเตอร์ดัม ไม่ใช่ไปล้อมหน้าล้อมหลังให้การอารักขา หากไม่ดำเนินการจะถือว่า ทำผิดกฎหมายอาญษ มาตรา 157 ฐษนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เนื่องจากได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกรณีที่นายอัมสเตอร์ดัม เขียนบทความหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง
เรื่องนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะร้อนแรงขึ้นมาอีก และมีผลกระทบถึงขั้วอำนาจระหว่างรัฐบาล กับกองทัพ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
การเดินทางเข้าประเทศไทยของนายอัมสเตอร์ดัมในครั้งนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เป็นใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังทำทุกทางเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ก่อนจะเดินทางกลับมาตายรัง
ประเทศไทยกำลังประสบภัยน้ำท่วม ประชาชนเดือนร้อนแสนสาหัสกันครึ่งค่อนประเทศ หรือจะต้องให้มีการเผาเมืองกันอีกรอบ ถึงจะสาแก่ใจนักโทษหนีคดีคนนั้น