กระทรวงทรัพยากรฯ สรุปสถานการณ์มั่นใจ กทม.ยังเอาอยู่ หากไม่ปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ-ภูมิพล ฝนไม่ตกซ้ำ แต่ห่วงวิกฤตน้ำฝั่งรังสิต-ปทุมฯ ด้าน ปภ.เตือนชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำริมเจ้าพระยาระวังช่วงทะเลหนุนสูง 2.30 เมตร
วันนี้ (12 ต.ค.) คณะทำงานกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปการประเมินสถานการณ์รายวันว่า ในวันนี้สถานการณ์โดยรวมยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจาก 1.ยังไม่มีการปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนภูมิพล จึงทำให้น้ำที่เหลืออยู่เป็นน้ำค้างเก่า ที่ภาครัฐต้องเร่งระบาย 2.ไม่มีปริมาณฝนตกซ้ำต่อเนื่อง และ 3.โครงการประชาอาสาเรือดันน้ำจำนวน 300 ลำ เริ่มดำเนินการดันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่ทะเล จึงทำให้สถานการณ์ในวันนี้ดีขึ้น ทั้งนี้ พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ บริเวณฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เนื่องจากมีน้ำขังและอาจมีน้ำมาสมทบที่ไหลจาก จ.พระนครศรีอยุธยา มาสมทบบริเวณรังสิตคลอง 1 ไปจนถึงองครักษ์ ที่อาจจะทำให้เพิ่มระดับน้ำท่วมขังสูงขึ้น ขณะเดียวกัน การเสริมคันกั้นน้ำตามนโยบายของรัฐบาล สั่งหน่วยงานลงพื้นที่เสริมคันกั้นน้ำตั้งแต่คลอง 8 มายังคลอง 1 ยังไม่แล้วเสร็จ หากหัวน้ำจากจังหวัดอยุธยาที่ไหลมาจากประตูบางไทร ไหลมาสมทบอาจจะต้องมีการแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังน้ำที่จะท่วมสูง เป็นพื้นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 ตุลาคม ทั้งนี้ในเวลา 10.00 น. นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรฯ ได้ลงพื้นที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อหารือกับว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับนโยบายการบำบัดน้ำเน่าเสียด้วยการปั่นน้ำเพิ่มเติมออกซิเจน และเติมสารอีเอ็มบอล เพื่อแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย จากนั้นในเวลา 15.00 น.จะเดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดปทุมธานีเพื่อหารือเรื่องเดียวกันนี้
ขณะที่ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ เตรียมรับมือผลกระทบที่จะเกิดจากระดับน้ำเหนือที่ไหลหลากเจ้าสู่กรุงเทพฯ ในช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นและน้ำทะเลหนุนสูงในคราวเดียวกัน สำหรับช่วงที่ต้องระวังอย่างใกล้ชิดที่มีระดับน้ำทะเลหนุนสูง ระหว่างวันที่ 14-17 และ 28-31 ตุลาคมนี้ โดยระดับน้ำทะเลจะหนุนสูงสุดในวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำจ้ำพระยาบริเวณกองบัญชาการทหารเรือ ถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียงระดับน้ำจะมีปริมาณสูงประมาณ 1.95-2.30 เมตร และอาจสูงกว่า 2.30 เมตร ในช่วงที่มีปริมาณฝนตกในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง