นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ในระยะนี้สถานการณ์น้ำในภาคเหนือ และภาคกลาง มีปริมาณมาก ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณสูงถึง 3,500-4,200 ลูกบากศ์เมตร/วินาที เป็นผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะมีความสูงประมาณ 1.95-2.30 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง และอาจสูงกว่า 2.30 เมตร ในช่วงที่มีปริมาณฝนตกในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง รวมทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มากกว่าปกติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงการระบายน้ำเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แบ่งเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่ 14-17 และ 28-31 ตุลาคมนี้ โดยระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุดในช่วงวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ เตรียมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากระดับน้ำเหนือที่ไหลหลากเข้าสู่กรุงเทพฯ ให้ติดตามสภาวะระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ขึ้นที่สูง ให้พ้นจากระดับน้ำท่วมถึง รวมถึงจัดทำกระสอบทรายเสริมเป็นแนวคันกั้นน้ำบริเวณหน้าน้ำ และท่อระบายน้ำ พร้อมตรวจสอบให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ในช่วงก่อนที่น้ำจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ให้รีบตัดกระแสไฟฟ้า และงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต
สำหรับในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แบ่งเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่ 14-17 และ 28-31 ตุลาคมนี้ โดยระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุดในช่วงวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ เตรียมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากระดับน้ำเหนือที่ไหลหลากเข้าสู่กรุงเทพฯ ให้ติดตามสภาวะระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ และอุปกรณ์ไฟฟ้า ขึ้นที่สูง ให้พ้นจากระดับน้ำท่วมถึง รวมถึงจัดทำกระสอบทรายเสริมเป็นแนวคันกั้นน้ำบริเวณหน้าน้ำ และท่อระบายน้ำ พร้อมตรวจสอบให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ในช่วงก่อนที่น้ำจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ให้รีบตัดกระแสไฟฟ้า และงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิต