“สุขุมพันธุ์” มั่นใจสถานการณ์น้ำใน กทม.ยังสามารถรับมือได้ แต่ยังต้องระมัดระวังสถานการณ์น้ำในช่วงนี้ เนื่องจากน้ำในเขื่อนสูงกว่าปีที่ผ่านมา และมีการระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ กทม.ว่า ทางสำนักการระบายน้ำ (สนน.) รายงานว่า ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งวัดได้ที่ประตูระบายน้ำที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 1,900 ลบ./วินาที ซึ่งเป็นปริมาณที่ค่อนข้างมากกว่าปกติ โดยระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงสุดเช้านี้อยู่ที่ 1.50 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และจะขึ้นสูงสุดในเวลา 21.13 อยู่ที่ 1.60 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งแนวคันกั้นน้ำของ กทม.ยังคงสามารถรองรับได้ จึงไม่น่าเป็นห่วงมาก แต่ได้สั่งการให้สำนักงานเขตในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 13 เขต ที่มีชุมชมอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ 27 ชุมชน ได้เตรียมความพร้อม และระมัดระวังสถานการณ์น้ำในช่วงนี้ เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล จากเดิม 33% เพิ่มขึ้นเป็น 73% เขื่อนสิริกิติ์ จากเดิม 50% เพิ่มขึ้นเป็น 89% และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากเดิม 29% เพิ่มขึ้นเป็น 52% ซึ่งก็ได้มีการระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับยังมีร่องความกดอากาศต่ำที่กำลังเคลื่อนตัวมาจากภาคเหนือเข้าสู่ภาคกลางปลายเดือน ต.ค.และมีร่องความกดอากาศต่ำที่ก่อตัวอยู่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งติดกับประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อตัวเป็นดีเปรสชันได้ และอาจจะผ่านเข้าสู่ประเทศไทยได้ ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษทั้งปริมาณน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำหนุน โดยเฉพาะระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค.ซึ่งขณะนี้ทาง กทม.ได้ติดตามสถานการณ์รวมถึงเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร เครื่องมือ ตลอด 24 ชม. หากเกิดสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังได้จัดทำตารางน้ำขึ้น-น้ำลง ของแต่ละวันไปแจกให้ประชาชนในชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำได้รับทราบ เพื่อได้เตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุน้ำท่วม