ผ่าประเด็นร้อน
ได้เห็นการประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ล่าสุดเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ว่าปัญหาน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็น 1-1.3 ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เลยทีเดียว อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 จะชะลอตัวลงจากสองเดือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน จากปัญหาน้ำท่วมที่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ทำให้นาข้าวเสียหาย คิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 4 พันล้านบาทเลยทีเดียว
นั่นเป็นการฉายภาพกว้างๆ ให้เห็นถึงสภาพความเสียหาย ออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มจากระดับน้ำที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอยู่ทุกวันมันก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะถ้าพิจารณาเฉพาะบางพื้นที่อย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เดียวต้องรองรับปริมาณน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาทุกทิศทางจนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เขตเศรษฐกิจชั้นในที่เดิมต้องรักษาเอาไว้ แต่ในที่สุดก็ต้อง “ยอมแพ้” รวมไปถึงเขตนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งต้องยอมรับว่าต้องเป็นพื้นที่ในที่สูง มีระบบป้องกันอย่างดี แต่ในที่สุดก็พังทลายจนได้ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ในอำเภอบางปะหัน ก็จมน้ำความเสียหายที่ประเมินเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ในอำเภอนครหลวง น้ำก็จ่อเข้าท่วมในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถรับมือได้แล้ว
นอกเหนือจากนี้ ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลที่กำลังไหลบ่าเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่ในพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่เดิมระดับน้ำก็ยังไม่ได้ลดลงมาเลย เนื่องจากยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบน ทำให้ทุกอย่างดูแล้วค่อนข้างวิกฤต และยังไม่เห็นทางออก
อีกด้านหนึ่งเมื่อพิจารณาจากความเสียหายที่ต่อเนื่องในวันหน้า ที่นอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งสภาพบ้านเรือน นาข้าว โรงงานอุตสาหกรรม ชาวบ้านต้องตกงาน สิ้นเนื้อประดาตัว ปัญหาสภาพจิตใจ เกิดความเครียด สารพัดประดังเข้ามา รัฐบาลจะเตรียมรับมือเยียวยากันอย่างไร
หากวัดจากศักยภาพของผู้นำรัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว หลายคนก็ยิ่งใจแป้ว เพราะเมื่อพิจารณาจากศักยภาพส่วนตัวที่ปรากฎออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้ ทำให้พอมองเห็นถึงแนวโน้มในอนาคตได้ดีว่าผลจะออกมาอย่างไร
จากสภาพที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์จากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ระบุถึงตัวเลขความเสียหายเป็นจำนวนมหาศาลดังกล่าวข้างต้น แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือในไตรมาสสุดท้ายคือไตรมาสที่ 4 ที่เศรษฐกิจจะชลอตัวลงเมื่อเทียบกับสองเดือนก่อนหน้า
พิจารณาจากแนวโน้มดังกล่าวทำให้เป็นที่น่าวิตกว่า หลังจากน้ำลดลงแล้ว คนไทยจำนวนมากจะต้องประสบกับปัญหาสิ้นเนื้อประดาตัวจำนวนมาก หลายคนไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากนโยบายของรัฐบาลที่เริ่มทยอยปล่อยออกมาในในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก และที่เป็นทีเด็ดคือ ค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาทแม้ยังไม่ได้ข้อสรุปเสียที แต่ในที่สุดก็ต้องคลอดออกมาจนได้ แต่ปัญหาก็คือ บรรดาผู้ประกอบการจะสามารถรับมือกับปัญหาต้นทุนเพิ่มได้หรือไม่ ในเมื่อต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจถดถอย โรงงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมไปถึงขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่
ล่าสุด วันนี้ (7 ตุลาคม) เป็นวันดีเดย์วันแรกสำหรับโครงการรับ “จำนำข้าว” ของรัฐบาล ซึ่งมีการยืนยันว่าจะมีการรับจำนำข้าวทุกเม็ด แต่ก็มีเสียงท้วงติงตามมาเช่นเดียวกันว่าน่าจะมีปัญหาในเรื่องการทุจริตกันอย่างมโหฬาร เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อีกทั้งเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ชาวบ้านทั่วไปต้องบริโภคข้าวสารบรรจุถุงแพงขึ้น ซึ่งในเวลานี้ราคาก็ปรับสูงขึ้นไปแล้วถุงละไม่ต่ำกว่า 5-10 บาท และภายในสิ้นปีก็มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ อ่วมแค่ไหนคิดเอาก็แล้วกัน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความล้มเหลวของโครงการรับจำนำข้าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลานี้ไม่มีข้าวอยู่ในมือของชาวนา เนื่องจากที่นาถูกน้ำท่วมจมหมดแล้ว จากการสำรวจก่อนหน้านี้พบว่ามีข้าวได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 5 ล้านตัน ขณะเดียวกัน หากมีการจำนำจริงๆ ก็จะไม่ได้ราคาตามที่รัฐบาลประกาศเอาไว้เกวียนละ 15,000 บาท เพราะหากได้ราคาดังกล่าวต้องมีความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงแล้วข้าวของชาวนาส่วนใหญ่จะมีความชิ้นเกิน 20-25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากปรากฎการณ์และความเคลื่อนไหวรอบด้านแล้ว ทำให้มองเห็นว่าปัญหาน้ำท่วมคราวนี้รุนแรง ยืดเยื้อเกินกว่าคาดคิด ทำให้แนวโน้มความเสียหายทางเศรษฐกิจขยายวงกว้างเช่นเดียวกัน ซึ่งนาทีนี้แทบทุกฝ่ายแทบจะไร้ความหวัง อย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันเมื่อมองให้ไกลไปกว่านี้ ถึงเรื่องมาตรการในการเยียวยาฟื้นฟูจากภาครัฐหลังน้ำลดแล้ว ก็ยิ่งไม่ต้องคิด แต่ถึงอย่างไรเมื่อชีวิตต้องเดินหน้าก็ต้องกัดฟันทนกันต่อไป!!