“พิชาย” ซัด “นิติราษฎร์” ไร้พลังปัญญาอย่างเพียงพอในการวิเคราะห์สังคม หรือไม่ก็อคติเข้าข้างทุนนิยมสามานย์ ถึงมองไม่ออกว่าข้อเสนอเป็นการฟอก “ทักษิณ” ให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการนิรโทษกรรมเลย ด้าน “เสงี่ยม” ชี้อัยการไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษีชินฯ เป็นสิ่งผิดปกติ สะท้อนกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 27 ก.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. นายเสงี่ยม บุญจันทร์ อดีตเลขาธิการสภาทนายความ และผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ภายใต้หัวข้อ “นิติรัฐล้มเหลวโดยพฤตินัย?”
ผศ.ดร.พิชายกล่าวว่า ประเด็นที่นิติราษฎร์พูดอยู่ตอนนี้ คือ การล้างผลรัฐประหารไม่ใช่การนิรโทษกรรม แบบนี้มันเป็นการปิดบังข้อเท็จจริง เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นถ้าทำตามข้อเสนอจริงๆ เท่ากับเป็นการล้างคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งหมด การพิจารณาคดีต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะถูกล้มล้างไปด้วย เสมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย แน่นอนมันไม่ต้องนิรโทษกรรม เพราะมันเปรียบเสมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์
ทีนี้บอกอีกว่าอยากให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณเยี่ยงขบวนการยุติธรรมปกติ พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจสูงมาก ควบคุมรัฐบาล ทำให้กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำเอียงได้ ฉะนั้นกลไกธรรมดาทำอะไร พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ การจัดการจึงต้องใช้ขบวนการพิเศษ การคิดว่าวิธีปกติจะใช้กับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ เป็นความคิดที่ไร้เดียงสา ยิ่งปัจจุบันรัฐบาลนี้ก็อยู่ภายใต้บงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีมวลชนสนับสนุนอีก ลองถูกจับไปศาลเสื้อแดงก็แห่ยกกำลังไปข่มขู่ แล้วกรณีนี้ อ.วรเจตน์เคยวิจารณ์หรือไม่ว่าเสื้อแดงทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มัวยึดอยู่แต่กับเรื่องรัฐประหาร
ผศ.ดร.พิชายกล่าวอีกว่า ถ้าดูผลพวงของรัฐประหาร สิ่งที่ชัดเจนคือการที่พ.ต.ท.ทักษิณถูกตัดสินให้จำคุก 2 ปีคดีที่ดินรัชดาฯ ในสายตา อ.วรเจตน์ และคณะนิติราษฎร์ เห็นว่ามันเป็นต้นเหตุความขัดแย้งของสังคมไทย การมองลักษณะนี้มันจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการล้มล้างผลรัฐประหารจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์มากที่สุด ทีนี้ถ้ามองประเด็นนี้ไม่ออก มันก็มีอยู่ 2 อย่าง คืออ.วรเจตน์อาจไม่มีพลังปัญญาเพียงพอที่จะไปวิเคราะห์สาเหตุของสังคมไทย อีกอย่างหนึ่งก็คือดำเนินการอย่างมีอคติ เข้าข้างทุนนิยมสามานย์อย่างชัดเจน ทีนี้มันก็มีอยู่ 2 ทางแบบนี้ที่สะท้อนถึงกลุ่มนี้
นายเสงี่ยมกล่าวว่า คณะนิติราษฎร์บอกว่า สามารถเริ่มคดีใหม่เพื่อดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มันก็เป็นไปได้แต่ขอถามว่าตอนนี้ใครเป็นรัฐบาล ใครจัดการเรื่องนี้ เราต้องดูในจุดนี้ด้วย
ส่วนกรณีที่อัยการสูงสุดไม่ฎีกาคดีภาษีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ป นายเสงี่ยมกล่าวว่า โดยปกติแล้วอัยการฟ้องใคร แสดงว่ามีหลักฐาน ต้องการให้คนนั้นถูกลงโทษ เมื่อศาลชั้นตั้นตัดสินต่างกับศาลอุทธรณ์ ต้องฎีกา เพื่อให้ศาลฎีกาเป็นคนตัดสิน หรือแม้แต่ทั้งศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ ให้ยกฟ้อง ก็ต้องอุทธรณ์เช่นเดียวกัน อัยการไม่ใช่คนที่มีอำนาจชี้ขาดตรงนั้น ตรงนี้ควรให้ศาลฎีกาเป็นชั้นสุดท้าย คดีนี้ถือว่าไม่ปกติ แปลกใจทำไมเป็นอย่างนี้ แล้วอย่างนี้จะฟ้องทำไมตั้งแต่ต้น
ผศ.ดร.พิชายกล่าวเสริมว่า ลูกศิษย์ตนที่อยู่สรรพากร บอกว่าคดีภาษีไม่ว่าคดีเล็ก คดีน้อย สรรพากรมักถึงศาลฎีกาเพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติ เราจะเห็นคดีภาษีแค่ 100 กว่าบาทสรรพากรยังเอาถึงฎีกาเลย ไม่ได้หวังแพ้ชนะ แต่เอาไว้เป็นบรรทัดฐาน พอมาคดีนี้หลายคนอาจจะงงกับการตัดสินใจของอัยการ ตรงนี้ผิดปกติอย่างมาก แสดงว่ามีพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้มันผิดปกติ มันไม่ชอบธรรม อัยการตอบสังคมไม่ได้ กรณีนี้นิติราษฎร์เคยถามหรือไม่
ถ้าอัยการเคร่งครัดเอานักการเมืองชั่วเข้าคุกได้ รัฐประหารไม่มีหรอก อัยการสำคัญมาก อย่างไรท่านก็ต้องปฏิรูปตัวเอง