xs
xsm
sm
md
lg

ครม.อนุมัติกู้สร้างรถไฟฟ้าสายเขียวเข้ม - ให้ กห.ซื้อ ฮ.8 ลำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โฆษกรัฐบาล เผย มติ ครม.เห็นชอบอนุมัติคลังกู้เงินให้ ร.ฟ.ท.เป็นทุนหมุนเวียนแอร์พอร์ตลิงก์ 1.8 พันล้าน อนุมัติกู้สร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม เห็นชอบงบรัฐวิสาหกิจปี 55 ตามที่สภาพัฒน์เสนอ พร้อมอนุมัติงบให้ กห.ซื้อ ฮ.ติดอาวุธ 8 ลำ ส่วนแบล็กฮอว์กตีกลับ เหตุส่งเรื่องช้า เผย ร่างเศรษฐกิจชาติ ฉ.11 เน้นการเชื่อมโยง อุตสาหกรรม, บริการ, วัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศ

วันนี้ (27 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.เห็นชอบอนุมัติการกู้เงินของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ กู้เงินจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ วงเงิน 1,860 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ และให้ ร.ฟ.ท.มาให้กู้ต่อแก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ตามมาตรา 39(4) ของ พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมเห็นชอบเงื่อนไขการรับภาระดอกเบี้ยของรัฐบาลและการเข้าร่วมถือหุ้นของกระทรวงการคลัง และรับทราบความเห็นของกระทรวงการคลัง การปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ และแผนการจัดหารายได้เชิงพาณิชย์ของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.และรับทราบผลกระทบค่าจากการดำเนินนโยบายค่าโดยสารอัตราเดียว 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล โดยให้ 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง คมนาคม และสำนักงบประมาณ รับข้อสังเกต

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงต่อว่า ครม.อนุมัติการกู้เงินในประเทศ และให้กู้ต่อแก่การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเป็นการก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ วงเงิน 19,381 ล้านบาท และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 17,838 ล้านบาท รัฐบาลเป็นผู้รับภาระการลงทุน

นางฐิติมา กล่าวว่า อนุมัติให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้ รฟม.เพื่อใช้ชำระหนี้ให้แก่ รฟม.เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรง ทั้งในส่วนต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟม.ต่อไป ให้ รฟม.เร่งเจรจากับ กทม.เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการบริหารการเดินรถไฟฟ้าโดยให้ครอบคลุมรายละเอียดทางเทคนิคของระบบต่างๆ เพื่อให้การเดินรถในอนาคตเชื่อมต่อกันได้

นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบการขอรับเงินสนับสนุนการรถไฟฯ และการขนส่งมวลชน ประจำปี 2555 ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการเงินอุดหนุนครั้งที่ 1/2554 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.54 และครั้งที่ 2 คือ 26 เม.ย.2554 เพื่อให้ไปตามนัยยะระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2551

ส่วนกรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2555 ครม.รับทราบและเห็นชอบตามที่สภาพัฒน์เสนอมา คือ รับทราบประมาณการประจำปีงบประมาณ 2555 ที่คาดว่า จะมีกำไรสุทธิ 83,262 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2554 ร้อยละ 15.1 และเห็นชอบกรอบงบประมาณรัฐวิสาหกิจปี 2555 วงเงินดำเนินการ 613,717 ล้านบาท หรือเป็น 2.7 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี วงเงินเบิกจ่ายลงทุนจำนวน 319,732 ล้านบาท การลงทุนโครงการต่อเนื่องที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว และงานตามภารกิจปกติจำนวนเงิน 553,717 ล้านบาท วงเงินเบิกจ่ายลงทุน 259,732 ล้านบาท

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบในหลักการให้สภาพัฒน์ปรับวงเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจปี 2555 ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 25551 และการอนุมัติงบประมาณของ ครม.

ขณะที่ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตามกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกได้ขออนุมัติ ครม.ในการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ ติดอาวุธจำนวน 8 ลำ ชนิด ยูโรคอปเตอร์ เอแอส 550 ของบริษัท อีเอดีเอส จากประเทศฝรั่งเศส พร้อมทั้งการฝึกนักบินและช่างชิ้นส่วนซ่อมบำรุงและเครื่องมือซ่อมบำรุงควบคุม โดยมีระยะเวลาในการส่งมอบ 1,000 วัน และระยะเวลาในการดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2554-2557 โดยเป็นจำนวนเงิน 1,596,998,092 บาท

นายชลิตรัตน์ กล่าวต่อว่า โดยโครงการดังกล่าวเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ที่มีวงเงินทั้งสิ้น 1,680,000,000 บาท โดยใช้ระยะเวลาจำนวน 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2554-2556 แต่เนื่องจากเป็นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000,000,000 บาทขึ้นไป ส่วนราชการนั้นต้องนำเสนอ ครม.เพื่อให้พิจารณาอนุมัติเป็นกรณีไป ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้ทำการพิจารณาแล้ว จึงเรียนว่า การจัดหาเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว เพื่อเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะต่อไป และกองทัพบกได้แจ้งว่า ยังไม่เคยดำเนินการจัดหามาก่อน ทั้งนี้สำนักงบประมาณจึงไม่สามารถตรวจสอบเพื่อหางบประมาณได้ แต่เนื่องจากเป็นผลจัดหาที่กองทัพบกนั้น ยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามระเบียบนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว สำนักงบประมาณจึงเห็นสมควรที่ ครม.จะมีมติอนุมัติให้กระทรวงกลาโหม ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2554-2557 ในการจัดหาเฮลิคอปเตอร์จำนวน 8 ลำ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายรองรับไว้แล้วจำนวน 320 ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่ยังขาดเหลือจำนวน 1,276,998,092 บาทนั้น ได้ให้กองทัพบกเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556-2557 ให้ครบตามสัญญาต่อไป

ส่วนสำหรับกรณีจัดหาเฮลิคอปเตอร์รุ่นแบล็กฮอว์ก ที่ ครม.ไม่อนุมัติและส่งเรื่องกลับนั้น เนื่องจากสำนักงบประมาณติดในเรื่องขั้นตอนการพิจารณา เนื่องจากกระทรวงกลาโหมส่งเรื่องให้ช้า นายกรัฐมนตรีจึงให้สำนักงบประมาณนำเรื่องดังกล่าวกลับมาศึกษาตามขั้นตอน ให้ถูกต้องแล้วจึงนำกลับมาเสนอใหม่ ทั้งนี้ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการทำหนี้ผูกพันข้ามปี ของสำนักงบประมาณ จึงต้องมีการร่วมพิจารณาด้วย

ส่วนกรณีร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 โดยมีสาระสำคัญดังนี้ คือ การเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรม การบริการ และวัฒนธรรมของชาติ เพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศ ตามแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยการพัฒนาส่งเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกับภาคบริการและวัฒนธรรมของชาติ เช่น ศิลปวัฒนธรรมด้านอาหาร, โบราณคดี กีฬา, อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว, อุตสาหกรรมการสร้างภาพยนตร์ เพื่อต้องการผลักดันให้อุตสาหกรรมดังที่กล่าวมา เป็นอุตสาหกรรมการส่งออก ที่สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติได้

นอกจากนี้ นายชลิตรัตน์ กล่าวต่อว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียวและยั่งยืน โดยการพัฒนาส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ และอุตสาหกรรมสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน และลดการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมภายในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและยาเคมี, การแปรรูปโลหะเครื่องจักรกลและอุปกรณ์การแพทย์ ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น