รองโฆษกรัฐ เย้ย “มาร์ค” อย่าเอาผลโพลคนไม่นิยมใครดึงเข้าข้างตัวเอง ชูคลังคอนเฟิร์ม เอสซี แอสเสท ไม่ได้ประโยชน์บ้านหลังแรกเต็มๆ อ้างโครงการหวังดึงดูดคนให้เสียภาษี
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์โดยตั้งข้อสังเกตถึงผลโพลของเอแบค ที่เปรียบเทียบความนิยมศรัทธาของสาธารณชนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน โดยพบว่า ประชาชนร้อยละ 48.5 ไม่นิยมใครเลย ขณะที่ประชาชนร้อยละ 38.6 นิยม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วน นายอภิสิทธิ์ มีคะแนนนิยมศรัทธาร้อยละ 12.9 ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการบ่งบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำมาตลอดนั้น ประชาชนรับรู้ รับทราบและเข้าถึง แต่ตนอยากฝากไปถึง นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่า อย่าเอาคะแนนประชาชนที่ไม่นิยมใครเลย ไปรวมกับ นายอภิสิทธิ์ เพราะจะกลายเป็นว่าไม่สะท้อนต่อความต้องการของประชาชน และอยากบอกฝ่ายค้าน ว่า ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบโพลเหมือนกับความพยายามที่จะสอบสื่อมาก่อนหน้านี้
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้น้อมรับทุกความเห็นต่าง หลายเรื่องที่รัฐบาลพยายามทำ ถ้ามีเสียงติติงมา เราก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน ถ้าเป็นเสียงติติง หรือแนะนำที่บริสุทธิ์ใจ แต่บางเรื่องอย่างกรณีของ บ.เอสซี แอสเสท ที่บอกว่า ได้ประโยชน์เต็มๆ 1 พันยูนิตๆ ละ 3 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3 พันล้านบาท แต่กระทรวงการคลังได้เปิดเผยตัวเลขมาแล้วพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องจริงอย่างที่มีการพูดกัน ตนจึงอยากตั้งคำถามว่าเอาอย่างนี้คนที่ออกมาพูดจะรับผิดชอบกันอย่างไร
“หากดูทั้งหมดจะพบว่า 14 บริษัทอสังหาที่เข้าเกณฑ์นโยบายหักลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนั้น พบว่า บ.เอสซี แอสเสท อยู่ท้ายตารางเลย เพราะมีแค่ 130 ยูนิต มีมูลค่าแค่ 500 ล้านบาทเท่านั้น แล้วที่บอกว่า 1 พันยูนิต ไปเอากันมาจากไหน” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า โครงการบ้านหลังแรกนี้ รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และเป็นการดึงดูดใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี แต่กลับถูกนำไปบิดเบือนว่ารัฐบาลเอื้อแต่ชนชั้นกลาง ทั้งที่ไม่ใช่เพราะหลายนโยบายเกี่ยวกับผู้ใช้แรงงานอย่างค่าแรง 300 หรือ 15,000 บาท ดังนั้น ถือว่าทุกส่วนได้รับประโยชน์หมด ดังนั้น ผลงานรัฐบาล 1 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับโพลที่สำรวจออกมาพอดี จึงถือว่ารัฐบาลเป็นของทุกคน และไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะตามที่มีการกล่าวหา
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์โดยตั้งข้อสังเกตถึงผลโพลของเอแบค ที่เปรียบเทียบความนิยมศรัทธาของสาธารณชนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน โดยพบว่า ประชาชนร้อยละ 48.5 ไม่นิยมใครเลย ขณะที่ประชาชนร้อยละ 38.6 นิยม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วน นายอภิสิทธิ์ มีคะแนนนิยมศรัทธาร้อยละ 12.9 ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการบ่งบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำมาตลอดนั้น ประชาชนรับรู้ รับทราบและเข้าถึง แต่ตนอยากฝากไปถึง นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ว่า อย่าเอาคะแนนประชาชนที่ไม่นิยมใครเลย ไปรวมกับ นายอภิสิทธิ์ เพราะจะกลายเป็นว่าไม่สะท้อนต่อความต้องการของประชาชน และอยากบอกฝ่ายค้าน ว่า ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบโพลเหมือนกับความพยายามที่จะสอบสื่อมาก่อนหน้านี้
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้น้อมรับทุกความเห็นต่าง หลายเรื่องที่รัฐบาลพยายามทำ ถ้ามีเสียงติติงมา เราก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน ถ้าเป็นเสียงติติง หรือแนะนำที่บริสุทธิ์ใจ แต่บางเรื่องอย่างกรณีของ บ.เอสซี แอสเสท ที่บอกว่า ได้ประโยชน์เต็มๆ 1 พันยูนิตๆ ละ 3 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3 พันล้านบาท แต่กระทรวงการคลังได้เปิดเผยตัวเลขมาแล้วพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องจริงอย่างที่มีการพูดกัน ตนจึงอยากตั้งคำถามว่าเอาอย่างนี้คนที่ออกมาพูดจะรับผิดชอบกันอย่างไร
“หากดูทั้งหมดจะพบว่า 14 บริษัทอสังหาที่เข้าเกณฑ์นโยบายหักลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนั้น พบว่า บ.เอสซี แอสเสท อยู่ท้ายตารางเลย เพราะมีแค่ 130 ยูนิต มีมูลค่าแค่ 500 ล้านบาทเท่านั้น แล้วที่บอกว่า 1 พันยูนิต ไปเอากันมาจากไหน” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า โครงการบ้านหลังแรกนี้ รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และเป็นการดึงดูดใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษี แต่กลับถูกนำไปบิดเบือนว่ารัฐบาลเอื้อแต่ชนชั้นกลาง ทั้งที่ไม่ใช่เพราะหลายนโยบายเกี่ยวกับผู้ใช้แรงงานอย่างค่าแรง 300 หรือ 15,000 บาท ดังนั้น ถือว่าทุกส่วนได้รับประโยชน์หมด ดังนั้น ผลงานรัฐบาล 1 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับโพลที่สำรวจออกมาพอดี จึงถือว่ารัฐบาลเป็นของทุกคน และไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะตามที่มีการกล่าวหา
