หากวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกับมาตรการสนับสนุนการมีบ้านหลังแรก ของกระทรวงการคลัง นโยบายบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% ที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ ก็จะเป็นนโยบายแหกตาประชาชนอย่างหน้าตาเฉยของรัฐบาลโคลนนิ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกนโยบายหนึ่ง
แม้ในคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา จะไม่มีเรื่องดอกเบี้ย 0% บ้านหลังแรก มีแต่ “มาตรการภาษีเพื่อลดภาระการลงทุน สำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตของประชาชนทั่วไป ได้แก่ บ้านหลังแรก และรถยนต์คันแรก”
แต่การหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในช่วงโค้งสุดท้าย ได้นำเสนอนโยบายประชานิยมเพื่อบลัฟพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 7 บาท ด้วยการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชิ้อเพลิง คืนภาษีผู้ซื้อรถคันแรก ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% และดอกเบี้ย 0% สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก เป็นเวลา 5 ปี เพื่อเกทับมาตรการดอกเบี้ยบ้านหลังแรก 0% นาน 2 ปี ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ก่อนหน้าเลือกตั้งเพียงเดือนเดียว
คำสัญญาของพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนที่กำลังจะซื้อบ้านหลังแรก “เชื่อ” และ “รอ” จนโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ตั้งวงเงินสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% ไว้ 25,000 ล้านบาท ขายไม่ออก มีผู้ขอสินเชื่อไม่เต็มวงเงิน เพราะทุกคนอยากได้ดอกเบี้ย 0% ของพรรคเพื่อไทยที่นาน 5 ปีมากกว่า จนทำให้ตลาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียมชะลอตัวลง คนที่กำลังจะซื้อก็ชะลอการตัดสินใจออกไปก่อน คนที่กำลังจะโอนก็ไม่โอน ทุกคนรอโครงการดอกเบี้ย 0% ของรัฐบาล
จนเมื่อตั้งรัฐบาล แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วนั่นแหละ ความจริงจึงค่อยๆ เปิดเผยออกมา ว่าทำไม่ได้ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รับมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นคนแรกที่บอกว่า ไม่เคยหาเสียงว่าจะลดดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี ที่รัฐบาลสัญญาไว้คือ มาตรการลดหย่อนทางด้านภาษีต่างหาก แต่ประชาชนรับรู้ และเข้าใจไปแล้วว่ารัฐบาลจะมีโครงการดอกเบี้ย 0% บ้านหลังแรก จะเป็น 3 ปี หรือ 5 ปี และจะเป็นบ้านราคา 3 ล้าน หรือ 5 ล้านเท่านั้นแหละ
ขนาดนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ยังเตือนนายธีรชัย ภูวนารถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า อย่าบิดพลิ้วในสิ่งที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้ คือ เรื่องรถคันแรก กับดอกเบี้ย 0% บ้านหลังแรก
วันนี้ รัฐบาลจะแก้ตัวว่าไม่เคยบอกว่าจะลดดอกเบี้ย 0% บ้านหลังแรก จึงฟังไม่ขึ้น เพราะทุกคำพูดที่หาเสียงไว้ มีหลักฐาน-มีพยาน
แม้คนส่วนใหญ่จะทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วกับพฤติกรรม “ดีแต่โม้” ของรัฐบาล แต่คงคิดไม่ถึงว่า สัญญาประชาคมว่าด้วยดอกเบี้ย 0% บ้านหลังแรก จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเช่นนี้
จากดอกเบี้ย 0% กลายเป็นลดหย่อนภาษีที่ผู้ซื้อสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อบ้านไปคำนวณหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 100,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี รวมเป็น 500,000 บาท
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เคยคำนวณไว้ โดยใช้ตัวเลขเงินที่จะนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เพียง 300,000 บาท ถ้าผู้ซื้อมีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท จะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย เพราะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้อยู่แล้ว
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิปีละ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท จะได้เงินภาษีคืนจากการหักลดหย่อนปีละ 12,000 บาท รวม 5 ปี เป็นเงิน 6 หมื่นบาท
ผู้ที่มีเงินได้สุทธิปีละ 1 ล้านถึง 4 ล้านบาท ได้เงินคืนปีละ 18,000 บาท รวม 5 ปี 90,000 บาท
ผู้ที่มีเงินได้ปีละ 4 ล้านบาทขึ้นไป ได้เงินคืนปีละ 22,000 บาท รวม 5 ปี 1 แสน 1 หมื่นบาท
เงินคืนภาษีที่ผู้เสียภาษีในแต่ละช่วงภาษีจะได้รับคืนนั้น มีสมมติฐานว่า ไม่มีค่าลดหย่อนอย่างอื่นอีกเลย เช่น ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต ค่าลดหย่อนสำหรับบุตร และภรรยา เงินบริจาค เงินลงทุนในกองทุนที่หักภาษีได้ ซึ่งในความเป็นจริง ผู้ที่เสียภาษีเงินได้ทุกคนล้วนแต่มีค่าลดหย่อนอื่นๆ ดังนั้น เงินที่จะประหยัดได้จากมาตรการนี้จึงน้อยกว่าสูตรที่คำนวณออกมาข้างต้น หรืออาจจะไม่ได้เลยเพราะหักค่าลดหย่อนอย่างอื่น จนเงินที่รัฐต้องคืนภาษีให้ก็เกือบจะเกินเงินที่ได้จ่ายภาษีไปแล้ว
สำหรับผู้ที่มีเงินได้สุทธิมากกว่าปีละ 4 ล้านบาท ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุด ในความเป็นจริง คนที่มีรายได้ระดับนี้ไม่มีใครซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทอยู่หรอก
มาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกจึงเป็นเพียงภาพลวงตา หลอกให้คนเข้าใจผิดว่ารัฐบาลช่วยเพิ่มรายได้ให้ เพราะไม่มีใครได้รับประโยชน์จากโครงการนี้เลย รวมทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับการคืนภาษีสรรสามิต รถคันแรก 1 แสนบาท ที่รัฐบาลใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท ทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขายให้บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โครงการบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% รัฐบาล ต้องจ่ายชดเชยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์เพียงปีละ 2,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น แต่ประชาชนได้ประโยชน์มากกว่าการซื้อรถคันแรก และระบอบเศรษฐกิจ จะได้รับการกระตุ้นอย่างแท้จริงจากยอดขายบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น
รัฐบาลใช้หลักอะไรคิด ว่าจะเลือกช่วยคนซื้อรถคันแรก หรือซื้อบ้านหลังแรก หรือว่าไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะมีเป้าหมายที่แท้จริงอยู่แล้ว เรื่องที่หาเสียงไว้เป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น เรื่องไหนทำได้ก็ทำไป เรื่องไหนทำไม่ได้ก็หาข้อแก้ตัว หรือสร้างภาพว่าได้ทำแล้ว โดยไม่ต้องสนใจว่าสิ่งที่ทำไปนั้นได้ผล เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่จริงหรือไม่