“ยิ่งลักษณ์” ไม่รู้ “เอสซี แอสเสท” โหมโปรโมตคืนภาษีบ้านหลังแรก บอกลาออกมาแล้ว จี้บริษัทแจงมีบ้านราคา 5 ล้านขายมากน้อยแค่ไหน ย้ำรัฐบาลยังไม่คิดให้ 3 จังหวัดภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ ชี้ประชาชนในพื้นที่อยากได้ความปลอดภัยก่อน ส่วนการตั้ง ศบ.กช.เพื่อบูรณาการการทำงาน หาเจ้าภาพตัดสินใจแก้ปัญหา จัดเวิร์กชอปวางยุทธศาสตร์ เน้นงานปฏิบัติเป็นหน้าที่กองทัพภาคที่ 4 มอบ “โกวิท” นั่งเป็นประธาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขึ้นโฆษณาผ่านเว็บไซต์เข้าร่วมโครงการคืนภาษีบ้านหลังแรกของรัฐบาลว่า ในส่วนของบริษัทเอสซี แอสเสท ตนคงไม่ทราบเพราะได้ลาออกแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นแคมเปญของเขาในการขานรับนโยบาย แต่คงต้องไปดูในข้อเท็จจริงว่าบ้านเอสซี แอสเสทฯนั้นมีบ้านที่ราคาต่ำกว่า 5 ล้านอยู่เท่าไหร่ แต่เท่าที่ตนทราบมาส่วนใหญ่จะไม่มี หรือมีก็ไม่เยอะ ซึ่งตรงนี้ขอให้ทางเอสซี แอทเสท ชี้แจงดีกว่า
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการเสนอให้มีการตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศบ.กช.ว่า เป็นการหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้นหลายๆ ครั้งซ้ำแล้วซ้ำเหล่า สิ่งที่เราคุยกันจากการทำงาน แม้มีศูนย์อำนวยการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และในส่วนของพื้นที่ ซึ่งเป็นการทำงานคนละส่วนกัน ยังไม่มีการบุรณาการในการทำงานร่วมกันหรือมีเจ้าภาพรวม แม้การทำงานที่ผ่านมาจะทำงานประสานกัน แต่เรื่องของการบูรณาการในการตัดสินใจยังไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจน จึงได้มีการหารือที่จัดให้มีการประชุมเวิร์กชอปในการวางยุทธศาสตร์ใหญ่ ซึ่งก็จะมีทางด้านของกองทัพในการนำเสนอยุทธศาสตร์ และมีการหาผู้ที่จะทำงานบูรณาการร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งในส่วนนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาทหารบก รวมเป็นคณะทำงาน ในส่วนของพื้นที่จะเป็นหน้าที่ของแม่ทัพภาคที่ 4 ในการเข้าไปเพื่อให้เกิดการบูรณาการและเกิดความชัดเจนในการสั่งงาน เพื่อให้งานเป็นไปอย่างกระชับและรวดเร็วขึ้น
สำหรับศูนย์ ศบ.กช.นั้นจะมีการหารือในรายละเอียดร่วมกันทุกหน่วยงานทั้งหมด และพยายามบูรณาการทุกหน่วยงานทั้งหมดเพื่อให้เกิดการบูรณาการ และจะมีการประกาศอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ในส่วนของภาคใต้จะทำให้เกิดองคาพยพเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบูรณาการในการที่จะมีผู้ที่รับผิดชอบดูแลเอาใจใส่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งหมดเป็นการให้ความรู้ ดูแลป้องกันในการดูแลประชาชนในพื้นที่ เพราะเวลานี้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีกว่า 2 ล้านคน ทราบดีว่าทุกคนเป็นห่วงและหวาดระแวงต่อเหตุการณ์ จะพยายามบูรณาการให้ทุกหน่วยงานดูแลอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่อยากให้รัฐบาลตีปัญหาผิดทาง เพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเองก็พยายามแสดงศักยภาพ จากเหตุการณ์ล่าสุดระเบิดคาร์บอม 3 จุด ไม่ใช่ปัญหายาเสพติดอย่างที่ตำรวจกล่าวอ้าง นายกฯ กล่าวว่า ใช่คะ เราเองจะเน้นเรื่องการบูรณการ การพัฒนา เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราจะไม่เน้นในเรื่องของการปราบปราม เราจะเน้นในเรื่องของการดูแลพื้นที่ด้วยความปลอดภัย และในเรื่องการสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ร่วมกัน รวมถึงการดูแลพื้นที่อย่างไรให้เป็นไปตามกฎหมาย และคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม
ส่วนฝ่ายปฏิบัติอย่างทางด้านทหารเองก็ระบุว่า มีปัญหาในเรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตรงนี้เราจะแก้ทั้งหมด รัฐบาลได้รับฟังปัญหาทั้งหมดแล้ว ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้มีการคุยกัน ที่ผ่านมามีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้บอกว่าที่ผ่านมามีปัญหา อาจจะไม่ได้มีการบูรณาการอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงานร่วมกัน ขอเวลาทำงานนิดหนึ่ง กระทรวงกลาโหมจะนำรายละเอียดมาเสนอ เราจะทำเวิร์คช็อฟร่วมกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์กันใหม่หรือไม่ว่า ปัญหาที่แท้จริงเกิดจากอะไร นายกฯ กล่าวว่า ส่วนของสาเหตุขอไม่นำมาชี้แจงตรงนี้ เพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ต้องเข้าใจในเบื้องต้นก่อน ไม่อยากให้วิเคราะห์ถึงประเด็นนี้ แต่เชื่อว่า หลังจากประชุมแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ความร่วมมือจากหลายส่วนที่จะทำให้เกิดการทำงานร่วมกันในพื้นที่ การเข้าใจปัญหา การป้องกัน และเกิดความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย ต้องทำทุกแกน บางครั้งเราทำจุดเดียวไม่หาย จะต้องกระจายแบ่งงานให้เกิดความชัดเจนขึ้น และมีระบบติดตามงาน
ส่วนกรณีที่ในการประชุมมีการระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แต่ในจวน ไม่ลงพื้นที่แก้ไขปัญหานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ถ้าเรามีผู้รับผิดชอบในการติดตาม ก็จะเกิดความชัดเจน มีระบบติดตาม มีการคาดหวังต่างๆ มีกลไก ส่วนเรื่องของเขตปกครองพิเศษเราคงยังไม่ไปถึงตรงนั้น จากที่ฟังจากประชาชนแล้วส่วนใหญ่อยากให้เกิดความปลอดภัย ต้องเข้าใจปัญหาอย่างจริงจังก่อน
