“วิเชียร” เดินคอตกเข้าทำเนียบฯ รายงานตัวต่อนายกรับมอบงานแก้ปัญหาจัดการน้ำ ทำใจเก้าอี้ปลัดมหาดไทยเปราะบาง ยอมรับกลไกแห่งอำนาจ ยืนยันไม่ใช่เด็ก “เนวิน” ไม่ติดใจฟ้องร้อง ก.พ.ค. ปัด “ยิ่งลักษณ์-ยงยุทธ” ไม่มีสัญญาใจคืนเก้าอี้ปลัด มท.
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อรายงานตัวหลังจากที่นายกฯมีคำสั่งให้มาช่วยราชการสำนักนายกฯ จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่านายกฯ มอบหมายให้ทำงานและดูแลเรื่องการแก้ไขปัญหาจัดการน้ำ โดยจะตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ดีมีประสิทธิภาพและมีงานให้ทำอีกหลายอย่าง หากได้ทำแล้วเกิดผลสำเร็จมันก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ และหลังจากนี้ตนก็จะหารือกับทีมงานเพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนงานในภาพรวมอย่างที่นายกฯต้องการ ขณะนี้ถือว่าตนเข้ามาทำงานที่ทำเนียบฯเต็มตัวแล้ว โดยจะนั่งทำงานที่ห้องทำงานของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทยชั่วคราวก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทยออกมาติงว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม นายวิเชียรกล่าวว่า นายชวรัตน์คงจะเป็นห่วงตน ซึ่งก็ไม่ได้มีผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยโทรศัพท์มาพูดคุยกับตนเรื่องนี้ แต่อยากที่ตนเคยบอกแล้วว่าเราเป็นข้าราชการ หน้าที่คือทำงานให้ประสบความสำเร็จภายใต้นโยบายรัฐบาล ใครจะมาเป็นรัฐบาลเราก็จะต้องทำ ไม่ใช่ว่าพอรัฐบาลนี้มาเห็นฝีมือเราเต็มที่ พออีกรัฐบาลหนึ่งเรากลับไม่ทำงาน อย่างนั้นไม่ใช่หน้าที่ของราชการ แต่ตนก็ยอมรับว่าตำแหน่งปลัดกระทรวง เป็นตำแหน่งที่เปราะบางและ มีโอกาสที่ทำให้เกิดความไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจได้ หากทำงานตรงนั้นไม่เหมาะแล้วมาทำตรงนี้แล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะกลับไปนั่งตำแหน่งเดิมหรือไม่ เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 4 ปี นายวิเชียรกล่าวว่า ตนไม่ได้คาดหวังอย่างนั้นและเพื่อนข้าราชการก็ให้กำลังใจและบอกว่าความสามารถเป็นเรื่องสำคัญ พิสูจน์กันที่ผลงาน และฝ่ายการเมืองทั้งนายกรัฐมนตรีและ ท่าน รมว.มหาดไทยเองก็ไม่ได้มีการตกลงเงื่อนไขพิเศษ หรือให้สัญญาอะไรว่าจะให้กลับไปตำแหน่งเดิม แต่นายกฯได้ให้กำลังใจว่าถ้าทำงานพิสูจน์ผลงานได้ก็มีโอกาสความก้าวหน้า แต่ไม่ได้รับปากว่าทำแล้วจะได้กลับไปเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะกลายเป็นการแลกเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขอะไรในการโยกย้ายครั้งนี้ เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ติดใจและไม่ไปร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) นายวิเชียรกล่าวว่า อยู่ที่ว่าเรามีโอกาสได้ทำงานหรือไม่ และตนได้ตัดสินใจมาทำงานตรงนี้แล้ว
เมื่อถามอีกว่าจนถึงขณะนี้ ยังน้อยใจหรือคับข้องใจอยู่หรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า ก็เราเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา มันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบั่นทอนกำลังใจ ตนเหลืออายุราชการอีกตั้ง 4 ปี จะมายืนหรือนั่งเฉยๆ กินเงินเดือนคงไม่เหมาะ เมื่อถามว่า 4 ปีที่เหลือ จะทำงานล้างภาพการเป็นเด็กสายตรงของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า ถ้าใครไปดูประวัติตนก็จะรู้ว่าตนเติบโตมาจากการทำงานและเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง พิสูจน์ฝีมือด้วยการทำงาน ไม่ใช่พิสูจน์ฝีมือด้วยการเป็นเด็กใคร คนที่เติบโตมาจากกระทรวงมหาดไทยความใกล้ชิดกับนักการเมืองมันมีโดยธรรมชาติ คนที่เป็น ผวจ.แล้วไม่รู้จักนักการเมืองเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อใกล้ชิดทำงานร่วมกันก็ต้องเข้าใจกลไกอย่างนี้ตนเรียนรัฐศาสตร์มาก็เข้าใจกลไกแห่งอำนาจ ถ้าอยากทำงานการเมืองก็ต้องไปสมัครรับเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นข้าราชการเรามีหน้าที่ทำงานให้สำเร็จ ซึ่งตนไม่กล้าพูดถึงขนาดว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน