“เพรียวพันธ์” เรียกถก “ปส.-ป.ป.ส.” หารือแนวทางปราบปรามยาเสพติด พบข้อมูลหลักฐานยืนยัน ตร.ชั้นประทวน-สัญญาบัตร ในท้องที่ชั้นใน พัวพันยาเสพติด พร้อมสั่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีอาญาทันที ขณะที่ “เหลิม” เรียกระดมความคิด “ตำรวจดอกเตอร์” กำหนดทิศทางการพัฒนางานตำรวจ ขู่รัฐบาลเอาจริงพ่อค้ายา และ ตร.ที่ร่วมขบวนการยาเสพติดให้หยุดเสีย เตรียมลงพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน ปราบยาต่อเนื่อง
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ในฐานะ รรท.ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร.เจ้าหน้าที่ป้องกันปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่ห้องประชุม 3 อาคาร 1 ตร.เพื่อหารือถึงแนวทางการปราปปรามยาเสพติด โดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2 ชม.
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปส.และ ป.ป.ส.เพื่อหาข้อมูลสำคัญบางอย่างที่เราสงสัย และได้รับการยืนยันพร้อมด้วยหลักฐานที่สำคัญจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.แล้ว ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะสถานีตำรวจนครบาลชั้นใน และมีทั้งตำรวจชั้นประทวนและสัญญาบัตร แม้ก่อนหน้านี้ จะเคยออกมาปรามการกระทำเหล่านี้แล้วแต่ การกระทำผิดชัดเจน มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เองก็มีหลักฐาน ที่ระบุได้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานแล้วก็จะดำเนินการทางปกครองทันที และรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป โดยการปราบปรามจะดำเนินการทันที ไม่ต้องรออะไร
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ห่วงตำรวจมากกว่าทหาร เพราะตำรวจมันพลิกแพลงเหลือเกิน สวนทหารเข้าเข้มแข็งกว่ามาก พูดตรงๆ ไม่ห่วงทหาร อย่างไรก็ตาม ในส่วนทหารตนจะไปพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตรงนี้ไม่มีปัญหาเพราะทุกฝ่ายร่วมมือกันปราบปรามหมด
ต่อมา เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานประชุมระดมความคิดเห็นจากข้าราชการตำรวจที่มีคุณวุฒิปริญญาเอกทุกสาขา เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งหมด 128 นาย แบ่งตามสาขาที่จบการศึกษาได้ 7 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบริหารกระบวนการยุติธรรม 51 นาย กลุ่มบริหารทั่วไป 18 นาย กลุ่มการศึกษา 20 นาย กลุ่มสังคมศาสตร์ 16 นาย กลุ่มปรัชญาและศาสนา 11 นาย, กลุ่มนิติศาสตร์ 4 นาย และกลุ่มวิทยาศาสตร์ 8 นาย ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจชาย 108 นาย และ ข้าราชการตำรวจหญิง 20 นาย โดยแบ่ง ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรยศ พล.ต.อ.2 นาย พล.ต.ท.2 นาย พล.ต.ต.18 นาย พ.ต.อ.51 นาย พ.ต.ท.37 นาย พ.ต.ต 8 นาย ร.ต.อ.5 นาย ชั้นประทวน 5 นาย ระดับยศ ด.ต.4 ราย และ จ.ส.ต.1 ราย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมา นักการเมืองที่ทำงานร่วมกับตำรวจ มักจะไม่ได้คิดเหมือนตนคิดว่า นายตำรวจไม่ว่าหญิงชายที่จบระดับปริญญาเอกมีความรู้ตามที่ได้ร่ำเรียนมา เพราฉะนั้นปัญหาของตำรวจมี 5 ข้อ ได้แก่ 1.เรื่องการสืบสวน 2.เรื่องการสืบสวน 3.เรื่องการปราบปราม 4.สถานีตำรวจที่มี ผกก.รับผิดชอบ จะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกสบาย 5.การถวายความจงรักภักดี โดยเฉพาะเรื่องเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ฝ่ายปฏิบัติการก็ทำต่อไป แต่พวกดอกเตอร์ทั้งหลายที่ได้เชิญมาว่า จะทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประเทศชาติ และประชาชน บางคนได้งบตำรวจไปเรียน บางคนได้ทุน ก.พ.บางคนได้ทุนคุณพ่อคุณแม่ อย่างไรทั้งหมดที่อยู่ใน สตช.ตนถือว่าเป็นสมบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ไม่ได้เรียนจบปริญญาเอกไม่ใช่สมบัติก็เก่งไปแตกต่างกัน คิดว่า จะให้หารือและตั้งคณะทำงานขึ้นมาภายใน 90 วัน ให้ได้หมดสรุป และเมื่อมีประชุม ก.ตร.ตนจะนำเรียนในที่ประชุมต่อไป ถ้าต้องการการสนับสนุน เพื่อภารกิจบรรลุเป้าหมาย มีอุปสรรค ข้อขัดข้อง ขอให้บอกมา ผู้สื่อข่าวเอาคนเก่งๆ มานั่งเฉยๆ ทำไม งานในหน้าที่ก็ทำไป แต่ความคิดความอ่านริเริ่มต้องมี ไม่ใช่หน่วยเฉพาะกิจ แค่ให้มาช่วยคิดชั่วคราว เอามันสมองของเขามาใช้ จะเอาไปเก็บไว้ทำไม ส่วนดอกเตอร์ ที่เป็นนายดาบนั้น เดี๋ยวค่อยคิดกันอีกที คิดมากเดี๋ยวทำไม่ได้
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวถึงตำรวจในนครบาลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย ได้มีการรายงานเข้ามาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กระซิบ ก็ใครคิดนอกลู่นอกทางก็เสียใจด้วย รอบนี้รัฐบาลเอาจริง ตนก็เอาจริง วันศุกร์นี้ (17 ก.ย.) ตนจะไปสถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ(บตส.) วันศุกร์หน้า (23 ก.ย.) ไปเชียงราย แล้วถ้ามีเวลาว่างจะลงพื้นที่ตลอด พ่อค้ายาเสพติด ถ้ามีเงินสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ ไม่มีใครเค้าไปแกล้งนะ ป.ป.ส.ยึดทรัพย์ ปปง.ยึดทรัพย์ ค้าขายมาแทบตายสุดท้ายหมดตัว ครอบครัวเดือดร้อน วันนี้รัฐบาลเอาจริง เจ้าหน้าที่ทุกภาคหน่วยให้ความร่วมมือ ทำนุ่มนวลนะ เรียนร้อยนะ ยึดหลักนิติธรรม นิติรัฐ แต่ไม่ถึงขนาดเอาผ้าขาวไปปูแล้วกราบขออนุญาตจับ คงไม่ถึงขนาดนั้น
เมื่อถามต่ออีกว่า มีเจ้าหน้าตำรวจเกี่ยวข้องในลักษณะไหน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตรงนี้บอกไม่ได้ อันนี้เป็นความลับ ก็หลายที่ ต่างจังหวัดก็มีไม่ใช่นครบาลอย่างเดียว
ถามว่า ต่างจังหวัดบริเวณไหน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า บางจังหวัด ยาบ้าเข้ามาได้อำเภอเดียว แล้วมันเขามาได้อย่างไร
เมื่อถามว่า ทางภาคเหนือหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ภาคเหนือ 8 จังหวัด ต้องอีสานสิ พูดอย่างนี้ก็รู้แล้ว เมื่อขอให้ย้ำบริเวณไหน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่บอก ไม่บอก เดี๋ยวเสียใจ
เมื่อถามว่า ไม่บอกนั้น มีมาตรการในการที่จะคาดโทษไว้ เพราะทาง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.บอกว่า นครบาลต้องไม่มียาเสพติด ผบช.น.รับผิดชอบนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก บอกว่า ไม่ให้มี เป็นไปไม่ได้เลย แต่ให้เหลือน้อย และต้องไม่เกี่ยวข้อง คือ เบื้องต้นไม่อยากให้ตำรวจเสียกำลังใจ ใครที่เคยไปเกี่ยวข้อง หยุดเสียเถอะ เดี๋ยวจะเดือดร้อน ทั้งตัวเองและครอบครัว ทั้งชีวิตข้าราชการ ทั้งสอบวินัยร้ายแรง 30 วันเสร็จ ดำเนินคดีนี่อีกส่วนหนึ่ง
เมื่อถามว่า ตั้งเป้าไว้อย่างไรในเรื่องของนโยบายของรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พูดไปเดี๋ยวฝ่ายค้านก็ด่า ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเร็วที่สุด ลดปัญหายาเสพติดให้น้อยที่สุด ลดการผลิต พุดกันมาตั้งไม่รู้กี่ 10 ปีแล้ว ก็รู้มันเข้าทางเหนือ แต่ไปแก้ทางใต้ รัฐบาลชุดนี้รู้เป้าหมาย
ส่วนที่ถามว่า รัฐบาลมีการกำหนดเป้าหมายแบล็กลิสต์ หรือตั้งบัญชีรายชื่อผู้ค้ารายใหญ่ไว้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เอา อย่าไปพูดว่าแบล็กลิส เดี๋ยวหาว่ามันรุนแรงอีก
เมื่อถามว่า แสดงว่า มีเป้าหมายในใจ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีเป้าหมายจะทำงานสำเร็จได้อย่างไร
เมื่อถามว่า กลุ่มพวกนี้เคลื่อนไหวในประเทศไทยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า บอกไม่ได้เป็นความลับทางราชการ