xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ฟ้องศาลปกครอง ทวงคืน ปตท.เป็นสมบัติแผ่นดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ-จำลอง-พิภพ-สมเกียรติ” ยื่นฟ้องศาลปกครองทวงคืน ปตท. ขอเพิกถอนหุ้นทั้งหมดให้เป็นโมฆะ โอนหุ้น 4 โรงกลั่นเป็นของแผ่นดิน ให้คลังทางสาธารณะสมบัติเป็นของแผ่นดิน ยันแปรรูปไม่เป็นธรรมทำเงินไหลเข้ากระเป๋านอมินีนักการเมือง ด้าน “ทนายสุวัตร” แฉขาย 900 ล้านหุ้นไม่เป็นไปตามหนังสือชี้ชวน พบมีแต่ญาตินักการเมืองได้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุวัตร อภัยภักดิ์ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ศาลปกครอง นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ วงศ์พัวพันธ์ โฆษก และนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ตัวแทนมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยประชาชนราว 30 คนที่ได้ผลกระทบจากการเปิดกระจายหุ้นของบริษัท ปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ได้ยื่นฟ้องบริษัท ปตท. และกระทรวงการคลัง ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ 1.เพิกถอนใบหุ้น และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2.ขอให้ศาลพิพากษาให้หุ้นในโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 4 โรง ที่บริษัท ปตท.ถือครองตกเป็นของแผ่นดิน 3.ขอให้ศาลพิพากษาให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการทวงคืนสาธารณะสมบัติอันได้มาจากอำนาจตามกฎหมายมหาชน คือ โรงกลั่น ท่อส่งก๊าซ และอุปกรณ์ ส่วนที่ยังไม่ได้คืนทั้งบนบกและในทะเล รวมทั้งเงินค่าใช้บริการท่อส่งก๊าซ และดอกผลของการใช้ท่อส่งก๊าซทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นหมายเลขคดีดำที่ 1912/2554

นายสนธิกล่าวว่า การยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามจุดยืนของพัธมิตรฯ ที่มีมาตั้งแต่เมื่อครั้งชุมนุม 193 วันว่า ปตท.เป็นสมบัติของชาติ ซึ่งปีนี้ ปตท.ระบุว่ามีกำไร 1.3 แสนล้านบาท ครึ่งหนึ่งคือ 6.5 หมื่นล้านบาท หาก ปตท.ยังเป็นของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็สามารถเอาเงินจำนวนนี้ไปใช้ในการพัฒนาสาธารณูปโภคในการขนส่งมวลชนได้ทั้งประเทศ แต่น่าเสียดายที่วันนี้เงินจำนวนดังกล่าวกลับไปตกไปเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่เป็นนอมินีของนักการเมือง การที่ประเทศต้องเสียประโยชน์เหล่านี้ก็มาจากการแปรรูป ปตท.ที่ไม่เป็นธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“อย่ามาถามว่าทำไมพันธมิตรฯ ถึงเพิ่งมาทำเรื่องนี้ ทำไมไม่ทำแต่ต้น คนที่ตั้งคำถามเช่นนี้ถือว่าเป็นคนที่ด้อยปัญญา และอย่ามาถามว่าก็แปรรูปไปแล้วจะฟ้องอีกทำไม ถามอย่างนี้ก็ด้อยปัญญาอีก เรื่องนี้ข้อมูลมันหายากต้องใช้เวลาไม่ใช่ว่าแปรรูป ปตท.ไปแล้วถึงไม่ถูกเราก็ต้องยอมรับ คิดแบบนี้ไม่ได้ เพราะในเมื่อเรามีจุดยืนว่าต้องทำรักษาคุณธรรม จริยธรรมให้กับสังคม เมื่อมันผิดก็ไม่ควรที่จะปล่อยทิ้งไว้ จึงต้องมาทวงคืนสมบัติชาติ” นายสนธิกล่าว

พล.ต.จำลองกล่าวว่า การกระจายหุ้นของ ปตท.ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน หรือทีโออาร์ ต้องบอกว่าเป็นการขายของที่หมดเร็วติดอันดับโลก มีอย่างที่ไหนหุ้นที่หุ้นหลายร้อยล้านหุ้นขายหมดเพียงภายในนาทีเศษ แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการกันมาก่อนล่วงหน้า คนซื้อต้องเป็นคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ถึงจะได้ ประชาชนตาดำๆ ไปยื่นต่อแถวกันตั้งแต่ก่อนเปิดการซื้อ-ขาย ไม่มีใครได้สักราย

ขณะที่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจในการฟ้อง กล่าวว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเอา ปตท.มาเป็นสมบัติของ พธม. แต่ต้องการให้กลับมาเป็นของประชาชน วันนี้ ปตท.โกงเราทุกวัน เวลานี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลด รัฐไม่มีการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน แต่ปตท.กลับไม่มีการลดราคาน้ำมันแถมยังขึ้นราคาน้ำมันอีก ที่ผ่านมาทาง พธม.ได้พยายามที่จะสืบค้นข้อมูลการเกี่ยวกับการขายหุ้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนพบว่ามีการขายหุ้นจำนวนกว่า 900 ล้านหุ้น ไม่เป็นไปตามหนังสือชี้ชวน โดยตามหนังสือชี้ชวนกำหนดให้ผู้ที่ต้องการซื้อหุ้นมาซื้อหุ้นได้ตั้งแต่เวลา 09.30 น.ของวันที่ 15 พ.ย. 2544 แต่ปรากฏว่า ประชาชนที่มาร่วมฟ้องในครั้งนี้ซึ่งได้ไปแสดงตนก่อนเวลาดังกล่าว กลับได้รับคำตอบเมื่อถึงเวลาเปิดซื้อขายว่าหุ้นหมดไปแล้ว เมื่อไปสืบค้นข้อมูลทำให้พบว่า 863 ราย ซึ่งได้ถือหุ้นที่มีการเปิดขายนั้นล้วนแต่เป็นญาติของนักการเมืองทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังพบว่า มีการออกใบจองหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อหุ้นมากกว่า 1 ใบจอง รวม 428 ราย ซึ่งการกระทำนี้เป็นการร่วมกับธนาคารรวมกันโกงประชาชน จึงถือว่าการซื้อขายนั้นไม่ชอบ อีกทั้งพบว่า คณะกรรมการของ ปตท.ได้มีการอนุมัติให้ขายหุ้นราคาพาร์ จำนวน 25 ล้านหุ้นในราคา 10 บาท ให้แก่ผู้มีอุปการคุณ ซึ่งผู้มีอุปการคุณเหล่านี้เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นนักการเมือง, ส.ว., ส.ส., ผู้พิพากษา, อัยการ, ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงอยากทราบว่าคณะกรรมการฯ ใช้อำนาจอะไรในการอนุมัติ รวมทั้งการกำหนดการจำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 320 ล้านหุ้นให้กับนิติบุคคลต่างประเทศ ซึ่งก็อยู่ในฐานนอมินีที่ดูแลทรัพย์สินของผู้อื่น จึงเป็นการจำหน่ายหุ้นให้แก่บุคคลในรัฐบาลที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และขัดต่อกฎหมาย ป.ป.ช. เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จึงถือว่าขัดต่อกฎหมายเป็นโมฆะ เพราะเป็นการขายที่ไม่โปร่งใสเป็นธรรม สมควรที่ศาลจะสั่งเพิกถอนให้การซื้อขายหุ้นทั้งหมดของ ปตท.เป็นโมฆะและคืนให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ขณะที่ นายปานเทพกล่าวว่า แม้ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดจะเคยมีคำพิพากษาในเรื่องของการแปรรูป ปตท. แต่ในขณะนั้นเป็นการฟ้องว่า พ.ร.บ.แปรรูปฯ พ.ศ. 2544 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลเห็นว่า พ.ร.บ.แปรรูปไม่ผิด และมีคำสั่งให้รัฐแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติ สิทธิ การใช้ที่ดิน เพื่อวางระบบการขนส่งการปิโตเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิ ในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของ ปตท. แต่การฟ้องของ พธม.ในครั้งนี้เป็นคนละประเด็นกัน ข้อมูลที่นำเสนอจะมีการเน้นว่า วิธีการที่มีการกระจายหุ้นมีการกระทำไม่ชอบผิดจากหนังสือชี้ชวน ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดจากคดีเก่าที่ศาลเคยมีคำพิพากษาไปแล้ว ไม่ใช่ต้องไปรื้อและไม่ได้เป็นการให้ศาลกลับคำพิพากษาที่เคยมี เพียงแต่เราต้องการให้ศาลไปดูในเรื่องของการกระจายหุ้นที่เห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย





กำลังโหลดความคิดเห็น