“เพื่อไทย” ชวนคนในเครือข่ายเสวนา “บทเรียนรัฐประหาร 19 กันยาฯ” รับลูกคณะนิติราษฎร์ ล้มคำตัดสินศาลหลังยึดอำนาจ 19 กันยาฯ ตามแผน อ้างเพื่อหลักการที่ถูกต้อง ไม่เกี่ยวช่วย “นช.แม้ว” พร้อมหนุนแก้ไข รธน.ไม่การันตีมียึดอำนาจอีกหรือไม่ แต่ถ้าเกิดประชาชนรุมต้านแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) พรรคเพื่อไทย จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “บทเรียนรัฐประหาร 19 กันยา ศึกษาอดีต-ร่วมสร้างอนาคต” เนื่องจากเป็นวันครบรอบ 5 ปีรัฐประหาร โดยมีคนในเครือข่าวพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายคณิน บุญสุวรรณ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายวราเทพ รัตนากร สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดบนเวที
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนิติราษฎร์ได้มีการเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ ว่า ต้องยอมรับ 5 ปีที่ผ่านมา หลังจากการทำรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย.2549 ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสังคมไทยมากเหลือเกิน และเกิดกระบวนการละเมิดหลักนิติธรรม มีการใช้คำสั่งของคณะปฏิรูปฯ ไปในทางที่ไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม ทำให้เกิดผลพวงต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่รักในความถูกต้องจึงไม่มีใครเห็นชอบ เช่น กลุ่มนิติราษฎร์ก็ได้มีการเสนอข้อคิดเห็นต่างๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะทำให้ประเทศไทยมีแนวทางในการใช้กฎหมายเกี่ยวกับกรณีที่ใครจะมายึดอำนาจใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในแง่ของระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากที่ผ่านมาหากไปยึดตามแนวทางศาลฎีกาตั้งแต่ปี พ.ศ.2496 ที่บอกว่า ใครยึดอำนาจได้ก็สามารถทำอะไรก็ได้นั้น ได้ก่อให้เกิดผลเสียเชิงกฎหมาย มิหนำซ้ำยังก่อให้เกิดการปฏิวัติซ้ำซากมาตลอด
“ดังนั้น ข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ ประกอบกับเป็นการแก้การใช้กฎหมายโดยอำนาจของคณะรัฐประหารไม่ให้เกิดผล แต่ในทางกลับกันก็ไม่ได้บอกว่าหากใครทำผิดก็จะไม่ถูกดำเนินคดีมันไม่ใช่ ใครที่ทำผิดกฎหมายก่อนการยึดอำนาจ ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ใช้ระบอบประชาธิปไตยจัดการกับคนเหล่านั้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ผมคิดว่ามีเหตุผล”
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ถ้าใช้หลักการที่ไม่ยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหารก็คงไม่มีปัญหา จะเขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรก็ได้ เมื่อศาลผู้ใช้อำนาจรัฐทั้งหลายไม่ยอมรับในการใช้อำนาจ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา ได้เกิดผลพวงจากการปฏิว้ติยึดอำนาจอยู่หลายประการ ทั้งในแง่ตัวกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ รวมทั้งบุคลากรที่ทำงานอยู่ในองค์กรต่างๆ ทางคณะปฏิรูปได้แต่งตั้งเอา พวกนี้จึงเป็นเหมือนของเสียที่ถูกทิ้งเอาไว้
“ปัญหาอยู่ที่ประเทศไทยจะทำอย่างไรก็ของเหล่านี้ ส่วนหนึ่งคิดว่ารัฐธรรมนูญก็คงชัดเจน เพราะรัฐบาลชุดก็ประกาศจะแต่งตั้งบุคคลเข้ามาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เกิดจากชุดปฏิวัติ ดังนั้น เราจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนจริงๆ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้กฎหมายในช่วงคณะปฏิวัติอาจทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับผลประโยชน์หรืออาจทำให้คนๆ เดียวหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า คงไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจของคณะปฎิวัติ แต่มันอยู่ที่หลักการ โดยเฉพาะการใช้กฎหมาย สมควรหรือไม่ที่จะให้ใครมายึดอำนาจแล้วออกกฎหมายอะไรก็ได้ มันไม่มีใครยอมรับถึงการจะให้คนไม่กี่คนมายืนถือปืนยึดอำนาจแล้วมาตั้งกลไกออกกฎหมายต่างๆ ทำอะไรก็ได้ และขอถามว่าผลเสียแก่ประเทศไทยการปล่อยให้ใช้อำนาจอย่างนั้นกับการที่ยึดหลักกฎหมายที่ถูกต้องแบบไหนดีกว่ากัน
“ยกตัวอย่างกลไลที่กลุ่มนิติราษฎร์เสนอใครที่ทำความผิดตามกฎหมายเดิมที่มีก่อนการยึดอำนาจ ไม่พ้นผิด ถ้าทำผิดจริง ก็ใช้องค์กรยุติธรรมดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจก็ดี หรือองค์ที่ไม่ได้แต่งตั้งโดย คมช.ก็ให้เข้าทำเรื่องให้อัยการส่งศาลพิจารณาต่อไป”
ส่วนจะมีโอกาสที่จะเกิดปฎิวัตรได้หรือไม่ในขณะนี้ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกดำเนินการที่ไม่ใช่กระบวนการปกติ ก็ควรได้รับการปฏิบัติให้ถูกต้องเหมือนกัน ความจริงตั้งแต่ช่วงพฤษภาทมิฬ หลายคนก็อาจคิดว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารในประเทศอีกแล้ว แต่ก็เกิดขึ้นในปี 2549 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นมันก็สามารถทำได้ แต่ความรู้สึกของประชาชนเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่มีใครเห็นด้วยกับการปฎิวัติอีกแล้ว และก็เชื่อว่าหากใครคิดจะทำอีก ก็คงต้องรับบทเรียนจากประชาชนที่จะต้องจดจำไปทั้งชีวิต
“โอกาสมีหรือไม่มีอยู่ที่คนคิดจะทำ แต่ประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะการปฏิวัติได้ก่อผลเสียให้กับประเทศ แต่มีคนที่ได้รับผลประโชน์เพียงไม่กี่คน”