แก๊งแดง จัดเสวนารำลึกเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง 53 ซัดรัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน ปลุกระดมนำแม่ผู้เสียชีวิตจากเหตุสังหารปทุมวนาราม สะท้อนความเศร้า ชี้ วันแม่ปีนี้ ต้องเอาดอกไม้มาวางหน้าอัฐิลูกแทน ประกาศไม่หยุดเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้เหยื่อกระสุนปืน จี้ ส.ส.ออกกฎหมายลดอำนาจทหารป้องกันเกิดปฏิวัติซ้ำ
วันนี้ (14 ส.ค.) กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้จัดเสวนา “เรดเซ็นเดอทอล์ก” นำโดย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด เป็นผู้ดำเนินรายงาน โดยมี นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ด แม่ของ “น้องเกด” กมนเกด อัคฮาด ผู้ช่วยพยาบาล 1 ใน 6 ศพ ที่ถูกสังหารในวัดปทุมวนาราม ร่วมเสวนา
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยทราบเรื่องผลกระทบจากการเมือง ไม่เคยทราบเรื่องการเมือง เพิ่งจะมาซึมซับตอนที่ได้รับผลกระทบ และเมื่อได้ลำดับเหตุการณ์ ก็พบว่า ประชาชนที่ออกไปเรียกร้องโดนรังแก ในความรู้สึกของตนที่ต้องสูญเสียลูก ตนมองว่า ประชาชนเมื่อปี 53 คนที่โง่ คือ คนที่อยู่ที่บ้าน เพราะข่าวที่ออกมาจะเห็นเฉพาะช่องเสื้อแดง แต่ถ้าเป็นช่องของรัฐบาลคนที่อยู่บ้านไม่มีช่องพิเศษก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เหมือนตนที่ไม่เคยรู้เลยว่าเหตุการณ์ตรงนั้นมันรุนแรงแค่ไหน จนวันที่เราต้องสูญเสียลูก ทำให้รู้ว่าประชาชนถูกปิดหูปิดตา เราไม่รู้เลยว่าลูกเรา หรือคนที่อยู่ตรงนั้นสถานการณ์มันเหมือนสงครามเลย เพียงแต่ประชาชนเขาไม่มีอาวุธเท่านั้นเอง มีคนตายแต่หน้าข่าวไม่มีเลย มันไม่มีบอกเลยว่ามีคนตายขนาดไหน ไม่มีบอกเลยว่ามีการฆาตกรรมหมู่ใจกลางกรุง รัฐบาลปิดข่าวได้ดีมากๆ คนผู้ประสบเองตะเกียกตะกายไปดูลูกไม่ได้ เห็นแต่ภาพข่าวอย่างเดียวว่า หมอพรทิพย์ มาแล้ว คนเริ่มทยอยออกจากวัดปทุมวนาราม ต้องเอาตำรวจมานั่งตั้งแถวเพราะอะไร เพราะทหารยังอยู่บนราวรถไฟฟ้า แล้วถามชาวบ้านว่า ป้าออกมาเลยป้าไม่ต้องมอง อย่ามองข้างบน มองตำรวจ เดินตามกันออกมามันเห็นแล้วมันทุเรศสภาพของประชาชนโดนขนาดนั้น ตนเองก็ไปดูไม่ได้ดูได้ตอนไปรับศพลูกทีเดียวเลย
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ตนได้ถามหมอ ว่า ลูกโดนยิงกี่นัด หมอบอกว่า สองนัด และได้ถามว่าจากข้างบนหรือข้างล่าง หมอบอกว่า บอกไม่ได้ แต่โดนสองนัด ซึ่งก็ได้นำศพลูกมาตั้งที่วัด พอคืนที่สองเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้บอกที่วัด ว่า น้องเกด โดนมากกว่าสองนัด ตนได้ดึงออกจากโรงเย็นและให้ช่างภาพถ่ายไล่แผลมาเลย ทำให้รู้ว่าลูกเราโดนแต่ซีกขวาทั้งหมด ถามว่าอย่างนี้ไม่ได้พลาดถือว่าจงใจ แล้วคุณบอกได้อย่างไรว่าสองนัด พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ออกมาแถลงร่วมกับ ศอฉ.ว่า โดนสองนัด หาหัวกระสุนไม่เจอ เหมือนกับเวรกรรมมันมีจริง ภาพคลิปออกมา ผลสุดท้าย พญ.คุณหญิง พรทิพย์ เป็นอย่างไร กลายเป็นหมาโดยบัดดล จากหมอกลายเป็นหมาทันที เพราะอะไรรู้หรือไม่ เพราะว่าคุณมองเห็นรัฐบาลนี้ทำถูกหรือถึงจะต้องช่วยกันปกปิด คุณเห็นด้วยกับรัฐบาลนี้ใช่หรือไม่ ที่มีการฆ่าคนใจกลางเมือง โดยที่ว่าเป็นฆาตกรที่เรียกว่ามีอภิสิทธิ์มากมาย สามารถสั่งฆ่าใครได้ ประชาชนที่เขาออกมาเรียกร้องเขาเรียกร้องไม่มีอาวุธเรียกร้องให้ยุบสภา
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ถ้าวันนั้นคุณยุบสภา คุณเป็นลูกผู้ชายพอ แล้วยุบสภาวันนั้น ณ เวลานี้ที่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมา คุณอาจจะเป็นรัฐบาลอีกครั้งก็ได้ ถ้าวันนั้นถ้าเขาเป็นลูกผู้ชายพอวันนั้นเพราะเขาต้องรู้ว่าเขาถูกเลือกขึ้นมาโดยที่ประชาชนไม่ได้เลือก เป็นมาโดยทหารแต่งตั้ง แต่ณ วันนี้เขาปิดฝาโลงตัวเอง การที่เขาสั่งฆ่าประชาชนได้อย่างเลือดเย็น เขาไม่เหมาะสมดำรงตำแหน่งอะไรแล้วคนๆ นี้ หมดโอกาส ตอกฝาโลงกันไปเลย
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ตนซึมซับเหตุการณ์นี้ เพราะขนาดจะไปแจ้งความยังแจ้งไม่ได้เลย ทหารบล็อกไว้ทุกโรงพัก คนไหนมาแจ้งความ ถามว่าทำอะไรชุมนุมสองปี โดนแล้วสองปีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วหมาตัวไหนจะกล้าไปแจ้งความ เพราะฉะนั้นตนจึงบอกว่า ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาประชาชน ปี 53 ถามว่าเราโดนกดขี่จากรัฐบาลนี้ กดขี่พวกเรามาก เอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาครอบหัวเราเลย ทำอะไรไม่ได้ผิด ทหารตนได้บอกเลยว่าในสายตา ณ เวลานี้ ตนบอกกับทหารที่กองทัพบก ว่า ทหารที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการฆาตกรรมหมู่ ทหารที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตนก็จะบอกว่าทหารก็ยังเป็นรั้วของชาติ แต่คนไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชน ขอให้ว่าคุณจะหนีไม่พ้นจากความผิดนั้น บาปกรรมที่พวกคุณทำจะติดตามพวกคุณตลอด จะเป็นตั้งแต่ตัวเล็กยันตัวบน สิ่งที่อยากบอกเลยว่า ณ เวลานี้ ปี 54 เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ “อภิสิทธิ์ สุเทพ อนุพงษ์ ประยุทธ์” บอกว่า พวกคุณอย่าคิดว่าพวกคุณจะรอด อดีตที่ผ่านมา 14 ตุลาคม6 ตุลา พฤษภาทมิฬ มีแต่อนุสาวรีย์ คนสั่งฆ่า ไม่เคยได้รับการลงโทษ ทุกวันนี้ยังอยู่ด้านการเมือง ยังอยู่ดีมีสุขไม่เคยได้รับโทษรับกรรมเลย แต่ครั้งนี้ปี 53 จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องทำให้ได้ว่าคนสั่งฆ่า และคนฆ่าทุกคนต้องได้รับการลงโทษ เราจะต้องไม่ยอมให้ทหารออกมาฆ่าประชาชนได้อีกแล้ว
นางพะเยาว์ กล่าวว่า ถ้าเรานิ่งเหมือนในอดีตประชาชน ก็เป็นเหยื่อ ปี 53 ไม่อยากได้อนุสาวรีย์ แต่อยากได้โซ่ตรวนไปคล้องคอพวก “อภิสิทธิ์ สุเทพ และ ประยุทธ์ ทุกคน” ตนไม่อยากได้อนุสาวรีย์ไม่อยากได้ ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ปี 53 ขอให้เป็นปีสุดท้ายที่ทหารออกมาฆ่าประชาชน และครั้งนี้ขอให้เป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่คนสั่งฆ่าต้องติดคุกเหมือนกัน
“วันแม่ปีนี้เป็นวันขมขื่น ดิฉันมีลูก 3 คน ทุกปีลูกๆ จะนำดอกไม้มาไหว้แม่ แต่ปีนี้ถึงวันแม่ เรากลับต้องเป็นคนเอาดอกไม้ไปวางหน้าอัฐิลูก (ร้องไห้) และเป็นคนบอกลูกว่าจะต่อสู้เอาคนฆ่ามาลงโทษให้ได้” นางพะเยาว์ กล่าว
นางพะเยาว์ กล่าวว่า อยากฝากไปถึง ส.ส.หรือหากมีการแก้ไขกฎหมายในสภาที่จะแก้ไขกัน ควรจะแก้ให้ทหารมีอำนาจลดน้อยลง ไม่ให้อยู่เหนือประชาชน ไม่ให้มีอำนาจเผด็จการ
ด้าน นายสมบัติ กล่าวว่า เหตุการณ์การสลายการชุมนุม การที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้สไนเปอร์เป็นการเลือกเครื่องมือที่มีเจตจำนง หากประชาชนต้องการจัดการรัฐบาลด้วยอาวุธ เราก็ต้องเห็นคนบาดเจ็บ เสียชีวิต และมีอาวุธ แต่นี่บางคนเป็นเด็กคนแก่ที่ไม่มีอาวุธ อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของน้องเกด อยากตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดไม่มีองค์กรอาสาสมัครใดๆ มีการเคลื่อนไหว ปล่อยให้ชะตากรรมของอาสาสมัครเป็นไปอย่างนี้
ส่วนปัญหาการปฏิวัติของทหารนั้น นายสมบัติ กล่าวว่า หากไม่มีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมทางการเมือง การทหาร การปฏิวัติก็จะเข้ามาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นตัวแปรคงอยู่ที่การจะลดอำนาจทหารจะต้องเกิดจากการเพิ่มอำนาจของประชาชน อำนาจทั้งหลายก็จะลดลงไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์สัปดาห์นี้ทางกลุ่มจะมีการจัดสัญจรไปที่ท้องสนามหลวง และในวันที่ 17-18 ก.ย.จะมีการจัดงาน “แกนนอนเอ็กซโป” ของทางกลุ่มคนวันอาทิตย์สีแดง