อดีต รมว.ต่างประเทศ ร่วมรำลึก 5 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน จี้ต่อมสำนึกคนไทย อย่าความจำสั้น ต้องย้อนดูเหตุการณ์ก่อนรัฐประหาร รัฐบาลแม้วเหลิงอำนาจ เอื้อประโยชน์พวกพ้องคอร์รัปชันเชิงนโยบาย หวังประเทศไทยเดินไปในทางที่ดีไม่ซ้ำรอยเดิม แต่ไม่แน่ใจการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีก
วันนี้ (19 ก.ย.) นายกษิตย์ ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการครบรอบ 5 ปี เหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า ตนคิดว่าความเป็นกระบวนการประชาธิปไตยของไทยตั้งแต่ 2475 ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด ซึ่งตนก็ประสงค์ให้ระบอบประชาธิปไตยของไทยนั้นปราศจากซึ่งการใช้ความรุนแรงและการคุกคามประชาชนในลักษณะของการเป็นรัฐตำรวจ ซึ่งไม่อยากให้ทหารออกมายืนอยู่บนท้องถนนพร้อมด้วยปืนและรถถัง อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อ 5 ปีที่แล้วหลังจากปฏิวัติได้ 2 อาทิตย์นั้นก็มีการตั้งรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ ต่อจากนั้นก็มีการตั้งสภาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจากนั้นมีการเลือกตั้งอีกหลายครั้ง แต่ต้องถามว่าทำไมถึงต้องมีการปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย. เพราะว่ามีการเมืองนอกรัฐสภาบนท้องถนน ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดการปะทะระหว่างประชาชนสีต่างๆ ตนคิดว่าฝ่ายทหารและก็ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจงปกป้องตัวเอง
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้ผู้ที่ได้ถูกกระทำเมื่อวันที่ 19 ขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และจะพูดแต่คนเดียวว่าทฤษฎีของตนเองถูกต้องไปหมด ต้องถามว่าก่อนวันที่ 19 ก.ย. มีการใช้อำนาจที่ผิดกฎหมายหรือไม่ มีการคอร์รัปชัน มีการตั้งญาติมาดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารทางการเมืองที่สำคัญๆ มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่ออำนวยประโยชน์ ผูกขาดทางธุรกิจบางอย่าง ซึ่งเราก็อย่ามีความจำสั้น ความจำต้องยาวไปสักนิดหนึ่งว่าก่อนวันที่ 19 ก.ย.มันเกิดอะไรขึ้นในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา” นายกษิตย์กล่าว
นายกษิตกล่าวต่อว่า ถ้าอยากให้มีการปรองดองเกิดขึ้น จะกลับมาด่าทอกันและชี้ว่าคนนี้ผิดแต่ผู้เดียว 100% ไม่ได้ ในทางเดียวกันหากจะปรองดองแต่ต้องมีคนผิด ไปล้างแค้น หรือว่าจะปรองดองโดยเริ่มต้นกันใหม่ ตรงนี้เราต้องมาคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า 5 ปีที่ผ่านมามีคนมองว่าการปฏิวัติล้มเหลวทำให้ประเทศไทยล้าหลังลงไป นายกษิตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่เป็นอย่างนั้น เพราะการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ก็ผ่านพ้นไปด้วยดีและเป็นไปอย่างสันติ การถ่ายโอนอำนาจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯมาสู่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องเศรษฐกิจรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ได้ทิ้งไว้ให้รัฐบาลชุดนี้ไว้อย่างมั่งคั่ง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป้าหมายในครั้งนั้นเหมือนกับมีเป้าหมายล้มระบอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายกษิตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ใช่ มันมีหลายอย่างทั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและก็มีกระบวนการเสื้อแดง อย่าไปปักใจว่าอะไรเป็นอะไร
ถามว่า ประเมินจากสถานการณ์แล้วประเทศไทยจะเกิดการปฎิวัติรัฐประหารอีกหรือไม่ นายกษิตย์กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่จะเกิดไม่เกิดนั้นตนคาดเดาไม่ได้ ซึ่งตนคิดว่าทุกคนมาทำให้เงื่อนไขของการอยู่ร่วมกันไปในทางบวกและทุกคนจะต้องช่วยกันปกป้องความเป็นประชาธิปไตย สื่อก็ต้องมีความเป็นมืออาชีพเพราะต้องเป็นผู้ที่ให้ความรู้ให้กับประชาชน ไม่ใช่หันเหความนึกคิดของประชาชน สื่อต้องไม่เป็นทาสนักการเมือง