xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ห่วงตั้ง คอ.นธ.ทับซ้อน กก.ปฏิรูป กม. จี้รัฐบาลแจงจุดประสงค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” ห่วงตั้ง คอ.นธ.ทับซ้อนองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีกฎหมายรองรับ จี้รัฐบาลแจงจุดประสงค์ให้ชัดเจน ฉะตั้ง “พสิษฐ์” มือถ่ายคลิปล้วงตับตุลาการศาล รธน.นั่งกุนซื่อกระทรวงสาธารณสุข ตอบแทนบุญคุณชัด พร้อมติงเปลี่ยนตัวเลขาฯ ศอ.บต.ทำงานไม่ต่อเนื่อง


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธานว่า ในที่ประชุม ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้แสดงความเป็นหว่งในเรื่องนี้ โดยมองว่าจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นหรือไม่ เพราะในแง่ของการปฏิรูปกฏหมายกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม มีองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีกฏหมายรองรับที่จะทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว การตั้ง คอ.นธ.ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน โดยเฉพาะเป็นการตั้งด้วยนระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีจึงต้องอธิบายให้ชัดเจนว่า สภาพปัญหาที่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการรชุดนี้คืออะไร เพราะมีกลไกทางกฎหมายอยู่แล้วในการทำหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอุกฤษออกมากล่าวว่าคณะกรรมการชุดนี้เข้ามาทำงานไม่ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะครอบคลุมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว จึงต้องอธิบายให้ชัดว่าคณะกรรมการชุดนี้จะทำอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งคณะกรรมการนี้มาเพื่อตั้งธงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลกำลังดำเนินการได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะอำนาจหน้าที่ที่เขียนไว้ก็ยังคลุมเครือ ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญ รัฐบาลนี้ก็ออกมายอมรับว่า ขึ้นอยู่กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่จะผลักดันขึ้นมา ขณะนี้มีแต่ความไม่ชัดเจน รัฐบาลต้องออกมาชี้แจงเพราะระเบียบที่ออกมาเป็นมติของ ครม.ต้องอธิบายให้ชัดว่างานของชุดนี้ไม่ซ้ำซ้อนกับชุดอื่นอย่างไร และจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร

ส่วนการใช้อำนาจในการออกระเบียบจะขัดต่อกฏหมายและรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คงไม่ขัดเพราะเป็นอำนาจในแง่การบริหารราชการแผ่นดิน เพียงแต่จะสร้างความสับสนและต้องดูว่าองค์กรที่มีกฎหมายยอมรับที่เขาทำหน้าที่อยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า อำนาจของคณะกรรมการชุดนี้ที่ระบุไว้ว่าสามารถเรียกเอกสารจากฝ่ายตุลาการ หรือศาล ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความร่วมมือมากกว่า ตนไม่คิดว่าจะมีผลบังคับในแง่ที่จะเข้าไปก้าวก่ายถึงคนที่มีความเป็นอิสระ เพราะตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นฝ่ายอื่น เขาจะมีอิสระหมด

ส่วนที่ นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ออกมาระบุว่า การตั้งคณะกรรมการชุดนี้เป็นการปฏิวัติเงียบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูการทำงานของคณะกรรมการ ถ้าเป็นการศึกษาเพื่อเสนอความคิด ก็ยังไม่มีผล ส่วนความคิดหากรัฐบาลนำเอาไปใช้ก็ต้องผ่านขั้นตอนการใช้อำนาจในทางอื่น เวลานี้ตนมองว่า ยังไม่มีความจำเป็นและรัฐบาลเองก็อธิบายไม่ชัดเจน และในภาวะที่รัฐบาลทำหลายเรื่อง ที่หลายคนห่วงว่าจะกระทบต่อหลักนิติรัฐหรือนิติธรรมจึงขอให้อธิบายให้ชัดว่า สิ่งที่คาดหวังจากกรรมการชุดนี้คืออะไร และไม่ซ้ำซ้อนกับกลไกที่มีอยู่แล้วตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาลชุดใหม่ อดีตนายกฯ กล่าวว่า ทราบมาว่าติดเรื่องการโยกย้ายนายทหารในส่วนของปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งต้องดูว่าปัญหาคืออะไร ทราบมาว่ากำลังให้คณะกรรมการกฤฎีกาดูอยู่ แต่สิ่งที่ ครม.เงามีความเป็นห่วงคือ มีการแต่งตั้งบุคคลที่ดูว่าจะมีเรื่องของการเมืองเป็นหลัก และที่มีการวิจารณ์มาก คือ กรณีของนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไปเป็นที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข หรือการโยกย้ายในกระทรวงยุติธรรมที่ดูว่าเป็นการตอบแทนคนที่มีผลงานทางการเมือง

นายอภิสิทธิ์ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มการโยกย้ายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงวยุติธรรม ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แทนนายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาฯ ศอ.บต.คนปัจจุบันว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัญหาภาคใต้เพิ่งจะเริ่มต้นใช้กฎหมายใหม่ จึงต้องดูว่าการบังคับใช้กฎหมายใหม่เป็นที่ยอมรับว่า ดีขึ้นกว่าในอดีตที่ใช้โครงสร้างเดิม อยากเห็นความต่อเนื่อง ถ้ารัฐบาลบอกว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงก็ต้องพิสูจน์ด้วยผลงานที่ชัดเจน และการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้อย่างไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รายชื่อต่างๆ โยกย้ายไปนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปนั่งควบหรือไปทำอะไร เพราะตำแหน่งเลขาฯ ศอ.บต.ต้องทำงานอย่างทุ่มเทเต็มเวลา ตัวกฎหมายที่ออกมาก็เพื่อให้คนที่เป็นเลขาฯ สามารถทำหน้าที่รับผิดชอบและจะมีอำนาจมากด้วย ที่ผ่านมาตนได้ทำงานร่วมกับนายภานุ เห็นว่าท่านเรียบร้อยดี และมีความเข้าใจในแนวทางของกฎหมายใหม่ เพราะเป็นคนที่ทำเรื่องนี้มาตั้งเริ่มต้น และตำแหน่งนี้จะใช้ไปเพื่อเป้าหมายทางการเมืองคงไม่ได้

“ปัญหาภาคใต้ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไข แม้แนวโน้มบางเรื่องกำลังดีขึ้น แต่ก็เปราะบางพอสมควร จึงอยากเห็นการเดินหน้าที่สานต่อในแนวคิดการพัฒนาและความยุติธรรมเป็นตัวนำ อยากเห็นความสามารถในการทะยอยการยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษ ถ้าได้ข้าราชการที่เป็นตัวสร้างปัญหาไปทำงานก็จะทำให้เขามีอำนาจ ควรที่จะได้คนที่มีความเคร่งครัดในการยึดหลักคุณธรรม ถ้าไปแล้วไปซ้ำเติมปัญหาก็ยิ่งทำให้เกิดความเดือดร้อนและสูญเสีย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น