xs
xsm
sm
md
lg

“ปราโมทย์” อัดบางระกำโมเดลขาดความเข้าใจแท้จริง ทำไปก็เสียเงินเปล่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปราโมทย์” ชี้บางระกำภูมิประเทศเป็นแก้มลิงธรรมชาติ น้ำท่วมอยู่แล้วเป็นประจำ จะเข้าไปจัดการสู้กับน้ำไม่ได้ แนะสิ่งที่ทำได้คือต้องเข้าใจปัญหาทุกมิติ และเข้าถึงชาวบ้าน เพื่อปรับการใช้ชีวิตให้อยู่ร่วมกับปัญหาได้อย่างมีความสุข อัดไม่ใช่แค่ “แผนคิดคำนึง” นั่งประชุมแล้วก็ออกแผนมา ทำไปก็เสียสตางค์เปล่า

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”  

วันที่ 12 ก.ย. เมื่อเวลา 20.30น. นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา และนายบุญสนอง สุชาติพงศ์ โฆษกกรมชลประทาน ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว”

นายปราโมทย์กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ควรใช้ศัพท์ว่าจัดการปัญหาน้ำท่วมจะดีกว่า คือที่ไหนอยู่ในวิสัยจัดการสู้ภัยได้ก็สู้ รับมือสู้กันเลย เช่น กรุงเทพฯ ถนนริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็เสริมให้สูง เพื่อให้เป็นคันกั้นน้ำ คลองก็มีประตูบังคับน้ำ มีสถานีสูบน้ำ นี่คือสู้ สู้ได้สู้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกที่สู้หมด อย่างบางระกำสู้อย่างไรก็สู้ไม่ไหว ต้องเข้าใจภูมิประเทศ สุโขทัยเชื่อมกับแพร่ แพร่ภูมิประเทศสูงเลยไม่ค่อยท่วม พอน้ำในแม่น้ำยมมาถึงสุโขทัย เข้าสู่พิจิตรซึ่งพื้นที่แบนราบ พอมาถึงบางระกำอันนี้แบนแต๊ดแต๋มันก็เลยท่วม เรียกว่าเป็นท้องกระทะ ภูมิประเทศอันนี้คือแก้มลิงโดยธรรมชาติ เป็นที่รวมของน้ำตามธรรมชาติ ไม่ควรสู้เพราะทุกปีก็เป็นอย่างนี้

นายปราโมทย์กล่าวอีกว่า ที่รัฐบาลบอกบางระกำโมเดลจะมีการทำวอเตอร์เวย์ หรือแก้มลิง บางระกำคือแก้มลิงอยู่แล้ว จะไปทำที่ไหน แก้มลิงอะไรกัน ภาครัฐไม่เข้าใจในพื้นที่ อยากจะพูดเลยว่าท่านทั้งหลายไม่เข้าใจธรรมชาติ ไม่เข้าใจความต้องการของประชาชน จะทำอะไรก็ต้องเข้าใจถึงความต้องการของเขา ไปหาเขาหรือเปล่า ฉะนั้นน้ำมวลใหญ่นี่จัดการไม่ไหว ธรรมชาติไม่อนุญาตให้จัดการเลย จัดการได้คือทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างมีความสุขกับปัญหาที่มี

บางพื้นที่ที่เกิดภัยแบบไม่เคยมาก่อน ทางรัฐก็ไม่เอามาเป็นบทเรียน ภัยน้ำป่าไหลหลากมีวิธีเดียวคือหลบภัย อย่าไปสู้ อย่าไปอยู่ให้สอดคล้องธรรมชาติเด็ดขาด มันก็มีพื้นที่เสี่ยงภัย สังเกตบ้านที่ถูกน้ำป่าไหลหลากกวาดไป มักตั้งตรงลำน้ำที่มีความโค้ง เวลาน้ำมามันก็ไปตามความโค้ง แต่ถ้ามาเยอะๆ ก็แหกโค้ง เหมือนรถ บ้านเรือนที่ตั้งตรงนั้นก็ถูกกวาด

“เข้าใจต้องเข้าใจทุกมิติ เข้าใจปัญหา ปัญหาที่แท้คืออะไร เข้าใจธรรมชาติ ภูมิประเทศ เรื่องราวสังคม เข้าใจประวัติศาสตร์ ทุกๆมิติ ไม่อย่างนั้นก็ออกแผนคิดคำนึงอีก นั่งประชุมกันแล้วก็ออกแผน เข้าถึงสักแค่ไหน ต้องเข้าถึงรายละเอียดอย่างลึกซึ้ง 2 อย่างนี้เป็นหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องเข้าใจก่อน และเข้าถึง” นายปราโมทย์กล่าว

นายปราโมทย์กล่าวว่า การจัดการปัญหาขาดแม่ทัพที่เข้าใจยุทธศาสตร์ แม่ทัพต้องมีพลัง มีความเข้าใจทุกมิติ นายกฯสั่งเองไม่ได้ เพราะไม่ว่าท่านไหนก็ไม่รู้เรื่อง มันเป็นปัญหามาชั่วนาตาปี บางระกำ สามง่าม บางบุญนาค ควรมียุทธศาสตร์จัดการอยู่กับธรรมชาติให้ได้  ไม่ใช่ไปต่อสู้มันไม่ไหว

การตั้งถิ่นฐานบางครั้งต้องโน้มน้าวให้ชาวบ้านปรับ ช่วยได้ระดับไหนก็ว่าไป หรือโยกย้ายให้พ้นจากพื้นที่น้ำท่วมได้ก็ควรทำ ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่แล้วเอาเงินลงไป

ปัจจุบัน อนาคต อากาศแปรปรวนมาก  ความไม่แน่นอนเรื่องภัยธรรมชาติ จะเกิดอีกมาก ต้องให้ความรู้ชาวบ้าน อบต.(องค์การบริหารส่วนตำบล) ต้องทำงาน คิดว่าท่านก็อยากจะรู้แต่ไม่มีใครไปเชื่อมโยงกับท่าน ประชาชนสำคัญจัดการตัวเขาเองได้ถ้ามีความรู้ อันไหนหนักหนาสาหัสหน่วยงานของรัฐต้องเข้าใจด้วย ไม่ใช่อยู่ๆ ไปมีโมเดล เข้าใจอยู่ฝ่ายเดียว ชาวบ้านไม่ได้เข้าใจด้วย ถ้าจะมีก็ไปหาชาวบ้านสิ มันเป็นอย่างนี้จะเอาอย่างไร ทำอะไรให้ดีขึ้น อย่าทำเป็นแผนคิดคำนึงประชุมแล้วออกมาเป็นแผนมันไม่ได้ ฟังแล้วหดหู่ เข้าใจ เข้าถึงสำคัญสุด เพื่อเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทุกมิติ เวลานี้บางระกำใครรู้บ้างอะไรคือปัจจัยของปัญหา ผลักวิธีการเข้าไปมันก็เสียสตางค์เปล่า



กำลังโหลดความคิดเห็น