โฆษกรัฐบาลระบุรัฐบาลช่วยประชาชนไม่จริง ราคาน้ำมันที่ลดขณะที่ขึ้นไป 3 ครั้งแล้ว ส่วนต่างไหลไปเข้ากระเป๋าใครในเมื่อไม่ได้เข้ากองทุน ขณะที่สินค้าหลายชนิดสูงกว่าช่วงรัฐบาลมาร์ค เรียกร้องรัฐบาลอย่าเร่งช่วยเฉพาะ “นช.แม้ว” จนลืมประชาชน ห่วงชาวบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเมื่อไม่ได้ผลผลิตจะเอาข้าวที่ไหนไปจำนำ จี้ถามรัฐบาลจะดูแลอย่างไร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยังหวังว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ตามที่สัญญาไว้กับประชาชน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องปัญหาราคาน้ำมัน เช่น ดีเซล ที่รัฐบาลบอกต้องการลดราคา โดยงดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการลดราคาไป 3 บาท เหลือ 26.99 บาทต่อลิตร แต่นับจากวันที่ 27 ส.ค. จนถึงวันที่ 10 ก.ย. รวมเป็นเวลาราว 2 สัปดาห์ปรากฏว่า ราคาน้ำมันดีเซลกลับมีการขึ้นราคา โดยตีกลับขึ้นมา 3 ครั้ง ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในวันนี้ (10 ก.ย.) อยู่ที่ 28.49 บาทต่อลิตร ทำให้ขณะนี้บริษัทผู้ค้าน้ำมันได้ขึ้นราคาน้ำมันกลับมา โดยที่เราผู้บริโภคใช้น้ำมันไม่ทันสังเกต
ดังนั้น อยากถามรัฐบาลที่ประกาศว่า จะลดค่าครองชีพของประชาชนโดยประกาศงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์แล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้กองทุนน้ำมันฯขาดรายได้ไปกว่า 4,500 ล้านบาทต่อเดือนนั้น ซึ่งทำให้ประชาชนมีหนี้สินเพิ่มขึ้นทั้งประเทศ สุดท้ายบริษัทที่ค้าน้ำมันไม่เล่นด้วย กลับแอบขึ้นราคาน้ำมัน 3 ครั้ง รวมเป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 2,220 ล้านบาทต่อเดือน เข้ากระเป๋าของบริษัทเอกชน โดยที่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ และเงินก็ไม่ได้เข้าสู่กองทุนน้ำมันฯแต่อย่างใด อยากถามว่าส่วนนี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ หนี้ที่รัฐมีเพิ่มขึ้น แต่กำไรกลับไปได้ที่บริษัทเอกชนผู้ค้าน้ำมันใหญ่
นายชวนนท์กล่าวว่า ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน 91 จากเดิมที่ประกาศลดราคาไป 7.17 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาเบนซินลดเหลือ 34.77 บาท คิดรวมเป็นเงินประมาณ 1,680 ล้านบาทต่อเดือน กระชากราคาลงทีเดียว 7 บาท แต่สุดท้าย 2 อาทิตย์ ปรากฏว่าเข้าทำนองเดียวกัน คือ ราคาเบนซิน 91 ตีกลับขึ้นมาอีกเป็น 37.17 บาทต่อลิตร ดังนั้นจึงอยากถามว่า เงินส่วนต่างที่ขึ้นราคามาหายไปไหน ทั้งที่ไม่ได้ส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ รวมแล้วเกือบ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน ที่เงินไม่ได้ตกอยู่ที่ประชาชน แต่เงินส่วนต่างจากการขึ้นราคาน้ำมันกลับไปตกอยู่ที่บริษัทเอกชนทันที โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เช่นเดียวกับราคาขนส่งที่ไม่ได้มีการปรับลดลงมาตามราคาน้ำมัน สุดท้ายผู้ประกอบการก็ได้อานิสงส์ฟรีๆ จากการลดราคาน้ำมันตามนโยบายของรัฐบาล โดยที่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย
นายชวนนท์กล่าวว่า หากมีการเปรียบเทียบราคาน้ำมันดีเซล และราคาสินค้าในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น จะเห็นว่าราคาน้ำมันดีเซลสมัยพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ 29.99 บาท แต่ของรัฐบาลชุดนี้ปัจจุบันปรับขึ้นมาที่ 28.49 บาท ส่วนราคาเนื้อหมูในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ 140-142 บาท แต่ของรัฐบาลนี้อยู่ที่ 145-150 บาท และราคาไข่ไก่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่ฟองละ 3.20-3.30 บาท
ส่วนรัฐบาลชุดนี้ราคาอยู่ที่ฟองละ 3.30-3.40 บาท ทั้งหมดจะเห็นถึงราคาที่เพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีการลดราคาลงมาแต่ก็เพียงแค่ชั่วคราวก็ปรับขึ้นมาอีก ในอดีตเคยมากระทบกระเทียบเรา แต่พอปัจจุบันเวลาขึ้นราคา ไม่เห็นออกมาพูดสักคำ อย่างนี้ไม่ยุติธรรมกับประชาชน ไปทำเรื่องส่วนตัวทั้งเรื่องฎีกาขออภัยโทษ การรื้อฟื้นคดี แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องชีวิตประจำวันของประชาชน
“อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า อย่าเร่งดำเนินการช่วยเหลือเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนลืมแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ไว้วางใจเลือกกลับมาเป็นรัฐบาล”
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันว่าจะเริ่มโครงการรับจำนำข้าวต้นเดือนตุลาคม ว่า รู้สึกเป็นห่วงประชาชนที่ประสบปัญหาภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะล่าสุด จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งประชาชนเหล่านั้นไม่มีผลผลิตไปจำนำ จึงอยากฝากถามไปยังรัฐบาลว่า จะดูและประชาชนที่ไม่มีผลผลิตไปเข้าโครงการรับจำนำอย่างไรบ้าง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีการเกิดดินโคลนถล่มที่ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความเสียใจกับพี่น้องประชาชนที่สูญเสียทรัพย์สินและประสบภัยจากอุทกภัย และดินโคลนถล่มใน จ.อุตรดิตถ์ และบางพื้นที่ของภาคเหนือ
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ เป็นผู้รับผิดชอบให้การดูแลให้การช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่ม โดยเบื้องต้นมีการลำเลียงสิ่งของไปช่วยเหลือแล้ว นอกจากนี้ ในวันที่ 11 ก.ย. นายอภิสิทธิ์และคณะก็จะเดินทางไป จ.อุตรดิตถ์ ในพื้นที่ที่ถูกดินโคลนถล่มในช่วงเช้าเพื่อไปเยี่ยมเยียน รวมทั้งมอบสิ่งของช่วยเหลือ พร้อมทั้งเงินบริจาคที่ได้รับจากประชาชนด้วย