ปชป.แฉแผน “เพื่อแม้ว” เคลื่อนไหวใช้วิธีบิดเบือนข้อมูลช่วย “ทักษิณ” มีเป้าหมายเพื่อให้มวลชนที่สนับสนุนเห็นว่ามีฝ่ายต่อต้านขัดขวางกระบวนการช่วยเหลือ หวังใช้สาวกเหล่านี้ไปกดดันองค์กรต่างๆ โดยมีเป้าหมายสูงกว่าการช่วย “นช.แม้ว” แขวะ เจ้ากระทรวงบัวแก้ว ไม่ต้องพูดให้เกียรติ “มาร์ค” ถือพาสปอร์ตแดง เพราะไม่ได้ต้องคดีจนต้องหนีคุก จึงถือได้ถูกต้องตามกฎระเบียบ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรม ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถวายฎีกา ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการกระทำเพื่อช่วยคนคนเดียวคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า อยากถามกลับไปว่าในอดีตกระทรวงยุติธรรม เท่าที่ทราบไม่เคยมีการตั้งคณะกรรมการใหญ่โตอะไรขนาดนี้ ที่จะต้องมาดูเรื่องฎีกาให้กับคนๆ เดียว ต้องไปดูด้วยว่า ใน 3 ล้านรายชื่อที่พรรคเพื่อไทยกล่าวว่าได้มานั้น เมื่อการพิสูจน์ แล้วพบว่า มีจำนวนที่ผิด เพราะฉะนั้นกระบวนการตรงนี้ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่
“การมาใช้จำนวนคนเพื่อมากดดันกระบวนการดำเนินการคงไม่ถูกต้อง ความจริงถ้าญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ 3-4คน มาช่วยกันลงชื่อก็ทำได้แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะใช้รายชื่อคน 3-4 ล้านคนมากดดัน และจากการตรวจสอบแล้วก็พบว่าไม่ถูกต้องมากมาย และจริงๆ แล้วตนกำลังคิดว่าระหว่างล่าชื่อถวายฎีกามีคนเคยพูดว่า หากรายชื่อเหล่านี้ผิด จะรับผิดชอบ คงต้องกลับไปดูว่าใครเป็นคนพูดคำนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีเองก็เป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะเป็นแกนนำลงชื่อถวายฎีกาเพื่อให้ทุกอย่างยุติและการเมืองในประเทศสงบลงหรือไม่ นายชวนนท์ กล่าวว่า ในฐานะญาติ นายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์ แต่ก่อนจะทำอะไรก็ควรไปดูข้อกฏหมายก่อน กระบวนการที่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถวายฎีกาไม่ได้ คือ มาตรา 259 และมาตรา 260 ที่ระบุชัดว่าผู้ที่ผิดในคดีในคดีที่ถึงที่สุดแล้วต้องอยู่ในเรือนจำจึงจะถวายฎีกาได้
นายชวนนท์กล่าวว่า การอ่านตามตัวหนังสือและการตีความการบังคับใช้กฏหมายควรเป็นอย่างไร และแนวทางปฏิบัติในอดีตเป็นอย่างไรนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ทราบ หรือ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก็เคยมีหนังสือไปถึง ว่าคนที่หนีคดีหรือคนที่ไม่รับผิดไม่ได้เข้าข่ายในการเข้ารับการถวายฎีกา และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและ รมว.ยุติธรรมในการที่จะเสนอได้อยู่แล้ว ต้องดูตรงนีประกอบด้วย ไม่ใช่ว่าทำไปดึงดันเพื่อสร้างความขัดแย้งขึ้นในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีที่ดินรัชดาจะเกี่ยวพันกับเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ที่พยายามอ้างคำตัดสินของศาลแพ่งว่าสัญญาผิดให้เป็นโมฆะ จึงพยายามอ้างว่าเมื่อศาลแพ่งตัดสินอย่างนี้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิดจึงอยากให้ศาลฎีกาฯพิจารณาคดีใหม่ถือว่ามีความพยายามบิดเบือนหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า คนที่เกี่ยวข้องควรพูดให้ชัดเจน เพราะจริงๆ แล้วหากศาลแพ่งตัดสินว่าผิด แสดงว่าเกิดคดีอาญาตรงนั้นขึ้น สัญญาตรงนี้ถึงเป็นโมฆะ เป็นการตอกย้ำว่าพ.ต.ท.ทักษิณทำผิดจริง ประเด็นสำคัญที่สุด คือวันนี้เขาไม่ได้มีวัตถุประสงค์ว่าจะเอาตรงนี้มาช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เขาต้องการสร้างสถานการณ์ สร้างข้อมูลให้กับคนสนับสนุนเห็นว่าว่า มีฝ่ายต่อต้าน ไม่เห็นด้วย มีฝ่ายขัดขวางกระบวนการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามจะใช้มวลชนไปกดดันองค์กรต่างๆ อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว และเป้าหมายเขาอาจจะสูงกว่าการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณด้วย
นายชวนนท์กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการคืนหนังสือเดินทางการทูตหรือพาสปอร์ตแดง ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกล่าวกระทบกระเทียบว่า จะให้เกียรติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในการถือพาสปอร์ตแดง ว่า นายสุพงษ์ ไม่ต้องมาพูดอย่างนี้ เพราะการถือพาสปอร์ตแดงของนายอภิสิทธิ์ เป็นสิทธิ์และมีกฎระเบียบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น รมว.ต่างประเทศ ไม่ต้องมาให้เกียรติ นายอภิสิทธิ์ ในการถือพาสปอร์ตแดง
“ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โดนถอนพาสปอร์ตแดง ไม่ใช่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไปถอนแต่พวกเราให้เกียรติท่านในการถือพาสปอร์แดงมาตั้งนาน ก่อนที่จะเกิดเหตุคดีความ ดังนั้นในส่วนของนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้มีคดีความ ไม่ได้ตกเป็นจำเลยของสังคม และไม่ได้หนีคดี เพราะฉะนั้น คุณอภิสิทธิ์มีสิทธิที่จะถือพาสปอร์ตแดงจนกว่าหนังสือดังกล่าวจะหมดอายุ และคุณสุรพงษ์ ไม่ต้องมาพูดในลักษณะให้เกียรติ และไม่ได้จงใจไปกลั่นแกล้ง ไม่จำเป็นเพราะพวกเราเดินทางด้วยหนังสือพาสปอร์ต เล่มสีน้ำตาลเท่าเทียมกับประชาชนได้ทุกคนอยู่แล้ว”