โฆษกประชาธิปัตย์ ซัด “สุรพงษ์” อย่าเอาเวลาไปในเรื่องส่วนตัว หลังดอดคุยทูตญี่ปุ่น ขอวีซ่าให้ “แม้ว” เข้าประเทศ ชี้คืนพาสปอร์ตต้องขออำนาจศาลยกเลิกเพราะเป็นผู้สั่งยกเลิก อัดผลงานยังไม่ทันแถลงต่อสภาก็หวังช่วยเหลือนักโทษ
วันนี้ (13 ส.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมพิจารณาคืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า การถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นมี 2 ฉบับ ได้แก่ พาสปอร์ตทางการทูต เล่มสีแดง และพาสปอร์ตของบุคคลทั่วไป เล่มสีน้ำตาล โดยเล่มสีแดงนั้นมีการถอนการใช้พาสปอร์ตเล่มดังกล่าวในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีคำพิพากษาของศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ดินรัชดา โดยศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปี ทางกระทรวงต่างประเทศเห็นว่าผู้ที่จะใช้พาสปอร์ตเล่มแดง ควรเป็นผู้ที่มีเกียรติยศ ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ และเป็นผู้ที่มีความสำคัญกับไทย แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ติดคดีดังกล่าว ตนก็เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะให้ใช้พาสปอร์ตเล่มแดงในการเดินทาง จึงได้มีการการยกเลิกดังกล่าว
นายชวนนท์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเหตุการณ์ที่มีการล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปี 2551 ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีส่วนที่วิดีโอลิงค์เข้ามาเพื่อปลุกปั่น และยุยงให้เกิดความปั่นป่วน จึงเป็นที่มาของการยกเลิกพาสปอร์ตของบุคคลทั่วไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนี้พาสปอร์ตทั้ง 2 ฉบับก็ยังอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งมีการแจ้งยกเลิกไปยังกรมการกงสุลทั่วโลก เพราะฉะนั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับพาสปอร์ตคืนก็ต้องไปทำเล่มใหม่ ที่สถานทูตไทย หรือสถานทูต ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักออยู่ ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องกลับไปถามว่า คดีความที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังค้างอยู่นั้นมีการปฏิบัติอย่างไร อย่างไรก็ตาม อำนาจทั้งหมดก็ไม่ได้อยู่ที่กระทรวงต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังมีคดีความที่ทางตำรวจได้แจ้งให้ขึ้นบัญชีดำอยู่ด้วย ทั้งนี้ หากจะมีการคืนพาสปอร์ตนั้นจะต้องกลับไปแก้ที่ต้นเหตุทั้งหมด ทั้งที่ตำรวจ อัยการ ศาล และถึงแจ้งมายังกระทรวงต่างประเทศให้ออกพาสปอร์ตคืนได้
“บุคคลใดที่เป็นผู้แจ้งให้มีการถอนพาสปอร์ต บุคคลนั้นก็ต้องเป็นผู้แจ้งขอให้ยกเลิกหมายดังกล่าว ซึ่งการคืนพาสปอร์ตอาจจะไม่ใช่เรื่องยากของรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นเรื่องที่ผิดตามขั้นตอนทางกฎหมาย” นายชวนนท์กล่าว และว่า รัฐบาลยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็มุ่งหวังแต่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณแต่เพียงผู้เดียว และอย่ามุ่งหวังแทรกแซงองค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีการเข้าหารือกับทูตญี่ปุ่น เพื่อขอวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นว่า นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ควรใช้เวลาไปในเรื่องส่วนตัว เนื่องจากมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องรอการแก้ไข การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าญี่ปุ่นไม่ได้ในอดีตนั้น ก็เป็นเรื่องของกฎระเบียบของทางญี่ปุ่นไม่อนุญาติให้บุคคลที่ต้องโทษจำคุกเกิน 1 ปี เดินทางเข้าประเทศ เพราะฉะนั้นญี่ปุ่นจะยกเลิกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับวีซ่าเดินทางเข้าประเทศได้ ซึ่งก็ต้องรอการชี้แจงจากญี่ปุ่น
