xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เตือนบัวแก้ว ตกเป็นเครื่องมือคืนพาสปอร์ตให้ นช.แม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีตนายกรัฐมนตรี ติง รมว.กลาโหมเร่งเจรจาพื้นที่กัมพูชาหวังเอาใจกัมพูชา หวั่นไทยเสียประโยชน์ แนะยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก เตือนกระทรวงต่างประเทศ ระวังตกเป็นเครื่องมือคืนพาสปอร์ตทักษิณ ระบุไม่ใช่เรื่องด่วน ควรแก้ปัญหาประชาชนก่อน


วันนี้ (11 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหมจะเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับปัญหาพื้นที่ทับซ้อน จะไม่ใช้ทิศทางเดียวกับรัฐบาลเดิม เพราะทำให้ไม่มีเพื่อนว่าเป็นสิทธิของรัฐบาลจะเลือก แต่หากจะไม่ใช้แนวทางของรัฐบาลเดิมก็คงต้องอธิบาย เพราะแนวทางของรัฐบาลเดิมคือปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทย เราไม่เคยขัดข้องที่จะมีความร่วมมือกัน แต่ต้องชัดเจนว่าสิ่งใดซึ่งมีกลไกการแก้ปัญหาอยู่ก็ให้ตรงนั้นแก้ไขไป เช่นปัญหาเรื่องการจัดทำหลักเขตแดนก็มีข้อตกลงกันอยู่ ควรยึดตามนั้น ไม่ควรใช้เวทีของโลก เช่น เอาสิทธิไปบริหารจัดการพื้นที่ในมรดกโลก หรือใช้เวทีศาลโลก ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลเดิมใช้การพูดคุยทวิภาคีเป็นแนวทางที่ประเทศไทยยืนยันมาตลอด ดังนั้น ถ้าใช้แนวทางนี้แก้ปัญหาได้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก่อนที่จะดำนินการอยากให้ทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาข้อพิพาทในพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงแง่มุมด้านกฎหมาย ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งกรณีศาลโลก และมรดกโลก เพราะถ้าคิดเพียงแต่ทำให้เขาพอใจก็อาจจะกระทบต่อประโยชน์ของประเทศ

เมื่อถามว่า รมว.กลาโหมระบุว่า การเจรจาเรื่องดังกล่าวควรให้เข้าลักษณะวิน-วินทั้งสองฝ่ายจะได้แก้ปัญหาได้ ซึ่งมีการเกรงกันว่าจะกระทบอธิปไตยไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ควรหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ความจริง พล.อ.ยุทธศักดิ์คงทราบว่ามีความซับซ้อนในเรื่องการให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว ถ้าไม่มีตรงนี้มันจะง่าย ทั้งนี้จะต้องดูว่าใครเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ และต้องไม่ลืมว่าขณะนี้เป็นการขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ซึ่งสิ่งที่เกรงว่าจะกระทบอธิปไตยนั้นก็ต้องดูว่าการตกลงจะเป็นอย่างไร มีการระบุชัดเจนแค่ไหน เดิมทีกัมพูชาก็ไม่เคยยอมอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการดำเนินการจะย้อนรอยไปเหมือนรัฐบาลที่เคยผลักดันให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารฝ่ายเดียวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน เพราะถ้าบอกว่าจะนำสู่การขึ้นทะเบียนร่วมกันก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนปัญหาพื้นที่ทับซ้อนที่เกรงกันว่าอาจจะหยิบยกขึ้นมาดำเนินการอีกครั้งนั้น ตนขอให้ข้อคิดว่ารัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่ต้องมีการเจรจาต่อรอง ในชั้นนี้ตนคิดว่าเราควรเรียกร้องให้กัมพูชาได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อตกลงปี 43 ในพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารเสียก่อน ถ้าไปรีบคุยเรื่องอื่น อาจจะเป็นเรื่องที่เขามีความกระตือรือร้นที่เขาอยากให้ผลประโยชน์ สุดท้ายเราไม่สามารถเอาสิ่งเหล่านี้ไปเจรจาต่อรองกับเขาได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเอาประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และรัฐบาลก็ควรมีท่าทีที่ชัดเจน เพราะอย่างน้อยกรณีการเจรจาจะต้องมีการนำเรื่องเสนอต่อ ครม. เพราะ ครม.ชุดที่แล้วแขวนเรื่องนี้เอาไว้

เมื่อถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลเดิมเคยพยายามใช้การประนีประนอมในการเจรจา แต่กัมพูชาก็ไม่ยอม แต่กลับจะมายอมในรัฐบาลนี้ สะท้อนอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะง่ายอย่างนั้น เพราะถ้ากัมพูชายอมให้เราขึ้นทะเบียนร่วมเสียงแต่แรก หรือปรับท่าทีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญหาหลายอย่างคงไม่เกิด แต่มันค่อนข้างชัดเจนว่าเขาไม่ยอม และท่าทีที่เขาแสดงต่อชาวโลกก็ไม่มีตรงไหนที่เขาบอกว่าจะยอม ส่วนที่กัมพูชาอาจจะอ้างว่าเปลี่ยนรัฐบาลแล้วสามารถคุยกันได้ง่ายกว่านั้น ตนคิดว่าถ้าทำได้ง่ายแล้วไทยไม่เสียผลประโยชน์ตนก็ยินดีด้วย

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่ รมว.ต่างประเทศจะพิจารณากระบวนการคืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นงานชิ้นแรกว่า ขอย้ำว่าต้องปฏิบัติกับคนที่หนีคดีเหมือนกัน กรณีที่ต้องเพิกถอนพาสปอร์ตก็ต้องทำ ถ้าจะต้องคืนก็ต้องคืนให้กับทุกคน สรุปแล้วที่เข้ามาทำงาน จะทำงานให้ใคร เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ และรัฐบาลควรมีนโยบายเพื่อดูแลประชาชนเป็นหลัก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องมาก่อนเรื่องอื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อไปกระทรวงการต่างประเทศจะถูกนำไปรับใช้นักโทษที่หนีคดีอยู่ในต่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอเรียกร้องว่าถ้าไม่ปฏิบัติอย่างเสมอภาคกัน มีสองมาตรฐานก็จะเป็นปัญหาสำหรับผู้ปฏิบัติแน่นอน และหน่วยงานราชการก็มีหน้าที่ตามคนที่หลบหนีคดีกลับมา
กำลังโหลดความคิดเห็น