ขอยกให้เป็นสุดยอดข้าราชการไทยที่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง โอนอ่อนเป็นไผ่ลู่ลมตามกระแสการเมือง สำหรับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่ “เปลี่ยนสี” ได้ราวกับจิ้งจก แซงหน้าทิ้งพลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี แบบไม่เห็นฝุ่น
สองเดือนที่แล้วยังตกเป็นเป้าหมายของการ “แก้แค้น ไม่แก้ไข” ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีแนวโน้มจะถูกปลดจากตำแหน่งอธิบดีกรมดีเอสไอค่อนข้างแน่ แต่มาถึงวันนี้ เก้าอี้ของเขาได้รับการการันตีความมั่นคงจาก ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่รับรองสรรพคุณของนายธาริตว่าทำงานได้และตัวเองไว้ใจนายธาริต หลังจากที่นายธาริตชงเรื่องการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้เป็นคดีพิเศษ
แม้ ร.ต.อ. เฉลิมจะออกตัวว่าเป็นอำนาจของพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะเอาหรือไม่เอานายธาริตไว้ แต่โดยสายงานแล้วกระทรวงยุติธรรมอยู่ในการกำกับดูแลของ ร.ต.อ.เฉลิม และในความเป็นจริงที่ปรากฏวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิมคือผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจล้นฟ้า จะเอาอะไรก็ได้
กระบวนการสรรหา กสทช.นั้นเสร็จเรียบร้อย ได้ตัวกรรมการ กสทช.ทั้ง 11 คนจากการคัดเลือกของวุฒิสมาชิกเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปคือ กสทช. ทั้ง 11 คนต้องประชุมกันเพื่อเลือกประธานและรองประธาน หลังจากนั้น แจ้งผลให้นายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
การทำให้เรื่องการสรรหา กสทช. เป็นคดีพิเศษ ก็คือการสร้างเงื่อนไขให้นายกรัฐมนตรีมีข้ออ้าง ไม่นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ โดยอ้างว่ายังเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ ไม่สมควรที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ซึ่ง ร.ต.อ. เฉลิมได้อ้าปากให้เห็นลิ้นไก่กันอย่างชัดๆ แล้วในหมากตานี้
ความพยายามที่จะขัดขวางไม่ให้มีการตั้ง กสทช. เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน หลังพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย ที่เป็นคนเสื้อแดงซึ่งเคยเรียกร้องให้พลเอกเปรม ติณสูลานทท์ และพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ลาออกจากองคมนตรี เคยยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์คดีเงิน 29 ล้านบาท เคยเป็นทนายให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร ฟ้องหมิ่นประมาทนายเนวิน ชิดชอบ ฯลฯ ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอให้สอบสวนคณะกรรมการสรรหา กสทช.ในช่วงวลาที่วุฒิสภากำลังจะเลือกกรรมการ กสทช. 11 คนจากรายชื่อทั้งหมด 44 คน
เจตนานั้นชัดเจนว่าเพื่อขัดขวางไม่ให้วุฒิสภา เลือก กสทช.ได้ทันภายใน 60 วันนับจากที่ได้รับบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น กสทช. ซึ่งจะครบในวันที่ 11 กันยายน เพราะถ้าเลือกไม่ทันหรือเลือกได้ไม่ครบ 11 คน นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจในการเลือกได้เอง
ดีเอสไอใช้เวลาเพียง 14 วันก็สรุปได้เลยว่าการสรรหา กสทช.ไม่ชอบตามกฎหมายใน 7 ประเด็นที่นายพิชาขอให้สอบ
อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งคือ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องของนายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร หนึ่งในผู้สมัครที่ไม่ผ่านการคัดเลือกฟ้องคณะกรรมการสรรหาว่าทำผิดกฎหมาย ซึ่งคำสั่งศาลปกครองในหลายๆ ประเด็นเป็นเรื่องเดียวกับที่ดีเอสไอ ตั้งธงสอบสวน
ทั้งเรื่องการสอบสวนของดีเอสไอและคดีที่มีผู้ฟ้องศาลปกครองถูกสมาชิกวุฒิสภาสายทักษิณยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างที่จะให้เลื่อนการลงคะแนนเลือก กสทช. 11 คน ออกไปก่อนเพื่อให้พ้นกำหนดเวลา 60 วัน อำนาจในการตั้ง กสทช. จะได้ตกไปอยู่ในมือของหุ่นเชิดของทักษิณ แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อ ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นว่าควรเลือก กสทช. ให้เสร็จเรียบร้อยเพราะเป็นอำนาจของตัวเองจะไปยกให้ฝ่ายบริหารทำไม
เมื่อความพยายามที่จะดึงอำนาจการตั้ง กสทช.จากวุฒิสภามาอยู่ในมือรัฐบาลล้มเหลว แผนการต่อไปคือไม่นำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธาน กสทช. โดยอ้างว่ามีคดีสรรหามิชอบที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของ ดีเอสไอ.ซึ่งผลก็คือมี กสทช.11 คนแล้ว แต่ กสทช.ไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธาน
แต่เรื่องคงไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก เพราะ กสทช.ที่ได้รับการเลือกตั้งจากวุฒิสภาทั้ง 11 คน ไม่ใช่คนอย่างพลตำรวจเอกวิเชียรและนายธาริต คงไม่อยู่เฉยๆ เป็นฝ่ายถูกกระทำแน่ แม้กฎหมายจะไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่นายกฯ จะต้องนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ แต่เมื่อขั้นตอนการดำนเนิการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีเหตุผลที่จะเตะถ่วง ข้ออ้างเรื่องเป็นการมิบังควรเพราะยังมีคดีอยู่เป็นเพียงข้ออ้างของร.ต.อ.เฉลิมเพียงคนเดียวเท่านั้น หากยิ่งลักษณ์ไม่ยอมนำความขึ้นกราบบังคมทูลรับรองได้เลยว่าโดน กสทช.ฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แน่
รวมทั้งบทบาทของดีเอสไอในเรื่องนี้ อาจจะถูก กสทช.ฟ้องต่อศาลปกครองก็ได้ เพราะการสอบสวนเรื่องการสรรหาไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของดีเอสไอตรงไหน นายพิชาผู้ร้องนั้นก็มิได้มีส่วนได้ส่วนเสียเลย นอกจากนั้นคดีการสรรหา กสทช.โดยมิชอบไม่น่าจะเข้าข่ายคดีพิเศษ 4 ลักษณะที่อยุ่ในอำนาจหน้าที่ของดีเอสเอแต่อย่างใด
การสอบสวนของดีเอสไอในเรื่องนี้จึงน่าจะเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจเพื่อขัดขวางยับยั้งกระบวรการแต่งตั้ง กสทช.ตามใบสั่งของ ร.ต.อเฉลิมแลกกับเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอของนายธาริตเสียมากกว่า
ใครใช้ให้ ร.ต.อ. เฉลิมทำงานนี้
แน่นอนว่ารัฐบาลย่อมอยากจะแต่งตั้งคนของตัวเองเข้าเป็น กสทช.เพราะนอกจากจะมีผลประโยชน์เป็นแสนล้านแล้ว ยังมีความสำคัญต่อการต่อสู้ทางการเมืองด้วย เพราะ กสทช.มีอำนาจออกใบอนุญาตในการตั้งทีวีผ่านดาวเทียมและวิทยุชมุชน ซึ่งเป็นอาวุธที่สำคัญในยุคสงครามข้อมูลข่าวสาร
แต่อย่าลืมว่ายังมีผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการไม่มี กสทช. หรือ กสทช.เกิดช้าเท่าไรก็ยิ่งเป็นการดีสำหรับตนที่จะวิ่งนำหน้าคุ่แข่งไปก่อนอย่างน้อยก็ 1-2 ปี บางที ร.ต.อ. เฉลิมอาจจะจัดการงานนอกสั่ง แอบรับจ๊อบหาลำไพ่พิเศษเองก็ได้