“รองฯ โรมานอฟ” ชักเลอะ! อ้างศาลแพ่งพิพากษาคืนเงิน “หญิงอ้อ” หมายความว่า “นช.แม้ว” ไม่ผิด จี้ ศาลฎีกาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาใหม่ อ้างทั่วโลกเขาทำกัน ด้าน “เหลิม” รับลูก อ้างต้องคืนความเป็นธรรมให้นายใหญ่ แต่ยังกั๊กสั่งรื้อคดี ยันพระราชทานอภัยโทษมีกฎเกณฑ์ไม่เหมือนกัน ซัดรัฐ “มาร์ค” ดองเรื่อง สับ “ถาวร” พูดไม่รับผิดชอบ เย้ย ปชป.ก่งก๊ง โถ...อ้างนายไม่เคยขอให้ช่วย
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่รัฐสภา พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นฎีกาขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ว่า โดยส่วนตัวตนไม่ขัดข้องที่จะมีการยื่นฎีกาของอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ความจริงเรื่องนี้ไม่น่าจะขออภัยโทษใดทั้งสิ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาไปแล้ว ที่ผิดก็คือการทำสัญญากับรัฐ โดยการเซ็นยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดิน แต่ศาลแพ่งได้พิจารณาแล้วว่าไม่ได้มีการซื้อที่ดิน ทั้งยังมีการคืนเงินให้ คุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ จึงสรุปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำสัญญาใดๆ กับรัฐทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนอย่างนี้ และศาลฎีกาฯตัดสินไปแล้ว ดังนั้น ศาลฎีกาฯจะต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุการณ์เปลี่ยนไปจะต้องตัดสินใหม่ ซึ่งถือเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ทั่วโลกทำกัน
เมื่อถามว่า ใครจะต้องหยิบยกขึ้นมาดำเนินการ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ไม่ต้องทำใดๆ ทั้งสิ้น แต่ศาลฎีกาฯเองมีความชอบที่จะต้องดำเนินการ เมื่อถามว่า แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเดินทางกลับประเทศได้ในตอนนี้ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า จะต้องรอให้ศาลฎีกาฯตัดสินก่อน
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว ว่า กรณีที่ศาลฎีกาฯตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปีนั้น ไม่ใช่คดีทุจริต แต่เป็นการทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่กฎหมายอาญา ซึ่งต่อมาเมื่อศาลแพ่งตัดสินว่า สัญญาการซื้อขายที่ดินระหว่างคุณหญิง พจมาน กับกองทุนฟื้นฟูฯ เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น เท่ากับว่า ไม่มีการซื้อขาย ทุกอย่างต้องกลับไปสู่จุดเดิม และให้กองทุนฟื้นฟูฯคืนเงินคุณหญิง พจมาน ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายแล้ว เพราะสัญญาเป็นโมฆะ แต่คดีที่ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 ปีในข้อหานี้จะทำอย่างไร ซึ่งกำลังคิดว่า จะทำอย่างไรต่อไป คดีนี้ต้องให้ความเป็นธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องไปคิดกัน ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาคดีใหม่หรือไม่
รองนายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ยกเอกสารการเสนอขอพระราชทานอภัยโทษถึง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่รัฐบาลสมัยนั้นยกคำร้องการอภัยโทษ เพราะผู้ต้องหาหลบหนีคดี ว่า เรื่องนี้ไม่มีกฎหมายบังคับหรือระบุไว้ เพราะกฎเกณฑ์การออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแต่ละครั้ง มีกฎเกณฑ์ไม่เหมือนกัน อยากให้พรรคประชาธิปัตย์นำเรื่องนี้มาพูดในสภา จะอธิบายให้ฟัง ไม่อยากให้นำความจริงครึ่งเดียวมาพูด ทั้งนี้ การยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ทาง นปช.ยื่นเรื่องถวายฎีกามาเกือบ 3 ปีแล้ว เมื่อสำนักราชเลขาธิการทำหนังสือมาถึงรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อขอความเห็นประกอบ กลับนำเรื่องไปเก็บไว้ที่กรมราชทัณฑ์ถึง 2 ปีกว่า จากนั้นจะมาส่งเรื่องให้กรมการปกครองตรวจสอบอีก หากไม่เรียกว่า ถ่วงเวลาแล้วจะเรียกว่าอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายถาวร หากรัฐบาลยังเดินหน้าเรื่องการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายการกระทำสองมาตรฐาน ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า เป็นการพูดแบบไม่รับผิดชอบ เพราะกลุ่ม นปช.ได้ไปยื่นถวายฎีกาต่อสำนักพระราชวัง แต่รัฐบาลที่แล้วกลับเก็บเรื่องไว้ 2 ปีกว่า ดังนั้น ถ้ารัฐบาลชุดนี้ถวายความเห็นก็เป็นการตอบโจทย์สิ่งที่สำนักราชเลขาธิการถามมา ไม่ใช่รัฐบาลเป็นผู้เสนอขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวเอง แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าใจ ชอบก่งก๊ง เรียกว่า งงไม่เสร็จ เพราะแพ้เยอะไปเลยงงไม่เลิก ไม่รู้ไปเอาเรื่องเป็นตุเป็นตะมาจากไหน ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลเร่งดำเนินการเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ทุกอย่างต้องอยู่บนหลักกฎหมาย ความถูกต้องชอบธรรม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพรัฐบาล ยืนยันว่า ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องค้างเก่าที่ราชเลขาธิการถามความเห็นมา ถือเป็นการทำตามขั้นตอนตามปกติ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยขอให้ช่วย มีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่จัดเรื่องขึ้นมาเอง