ASTVผู้จัดการรายวัน - ที่ดินเจ้าปัญหาขายได้แล้ว หลังบอร์ดกองทุนฟื้นฟูฯ อนุมัติทันที ขายที่ดินรัชดาฯ ให้แก่ “ศุภาลัย” ของตระกูล “ตั้งมติธรรม” ตามราคาที่เสนอมา 1,815 ล้านบาท ระบุ เมื่อถึงเวลาเปิดซองประมูล มีผู้สนใจน้อยกว่าผู้ซื้อซองประมูล 4 ราย แถมส่วนต่างราคา สูงกว่าคุณหญิงพจมาน 1,043 ล้านบาท ด้านผู้บริหารศุภาลัย ยันใช้เงินสดในการประมูลซื้อ หวังลดความเสี่ยงติดภาระทางการเงินในอนาคต และใช้เป็นหลักทรัพย์กู้แบงก์ได้ทันที แย้มแบ่งพัฒนาเป็นเฟส ทั้งคอนโดฯขนาดใหญ่ 2-3 โครงการ พ่วงคอมเมอร์เชียลมอลล์ขนาดเล็ก เล็งเสนอคำร้องคัดค้านปัญหาของผังเมืองใหม่ หวั่นต้นทุนพุ่ง
นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) กล่าวว่า เมื่อวันนี้ (17ส.ค.) ในการประชุมคณะกรรมการจัดการกองทุน (บอร์ดกองทุนฟื้นฟูฯ) ได้อนุมัติให้ขายที่ดินรัชดาฯ ให้แก่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในราคาที่เสนอมา 1,815 ล้านบาท หลังจากที่กองทุนฟื้นฟูฯ เปิดโอกาสให้ผู้สนใจซื้อซองประมูลเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ถึง 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีผู้สนใจซื้อซองประมูลทั้งสิ้น 4 ซอง แต่เมื่อถึงเวลายื่นและเปิดซองประมูลเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา กลับมีผู้ร่วมประมูลน้อยกว่าจำนวนผู้ซื้อซองประมูล ทำให้บอร์ดกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ตัดสินใจเปิดซองประมูลจากผู้ยื่นทั้งหมด ซึ่งผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
สำหรับที่ดินรัชดาฯ แปลงใหญ่ของกองทุนฟื้นฟูฯ มีเนื้อที่กว่า 33 ไร่ แบ่งเป็น 4 โฉนด เป็นที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยขวาง อำเภอห้วยขวาง กรุงเทพฯ ใกล้ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และอยู่ในย่านธุรกิจ ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก โดยขั้นตอนต่อไป บริษัท ศุภาลัย จะต้องวางเงินมัดจำ 50% ของราคาเสนอซื้อ ซึ่งใช้วิธีโอนเงินผ่านธนาคารพาณิชย์ด้วยระบบบาทเน็ต ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และจะมีการนัดทำสัญญาจะซื้อจะขายในวันที่ 7 ก.ย.นี้ และจะต้องชำระราคาส่วนที่เหลืออีก 50% ในวันที่ 14 ก.ย.นี้ และจะมีการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 16 ก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ที่ดินแปลงดังกล่าวกองทุนฟื้นฟูฯ ได้ขายให้แก่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร ในราคา 772 ล้านบาท ช่วงปี 46 ทำให้การขายที่ดินครั้งนี้ให้คุณหญิงพจมาน กับบริษัท ศุภาลัย มีส่วนต่างถึง 1,043 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินว่า การทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะ เนื่องจากคุณหญิงพจมาน ในขณะนั้นเป็นคู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ศาลฎีกาตัดสินว่า มีความผิดฐาน “เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ” ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 และประมวลกฎหมายอาญา และถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี
กรณีดังกล่าวส่งผลให้กองทุนฟื้นฟูฯ กับคุณหญิงพจมาน เกิดการฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง โดยคุณหญิงพจมาน ได้คืนที่ดินดังกล่าวให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯ ขณะที่กองทุนฟื้นฟูฯ ได้คืนเงิน 772 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯ และล่าสุด กองทุนฟื้นฟูฯ ได้เปิดประมูลที่ดินดังกล่าว
อนึ่ง บริษัท ศุภาลัย มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นของตระกูล “ตั้งมติธรรม” โดยนิตยสารฟอร์บส์ได้มีการจัดอันดับเศรษฐีโลก ซึ่ง นายประทีป ตั้งมติธรรม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของศุภาลัย ติดอันดับเศรษฐีไทยที่ร่ำรวย และเป็นครั้งแรกที่มีรายชื่อถูกจัดอันดับไว้
ยันใช้เงินสดประมูลที่ดิน ลดภาระจำนอง-กู้แบงก์ได้ทันที
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับที่มาของแหล่งเงินที่ใช้ในการประมูลซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวนั้น บริษัทใช้กระแสเงินสดในการประมูลซื้อที่ดินทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต หรือปัญหาที่ดินที่ได้มาติดภาระทางการเงิน หรือภาระจากการจำนองกับสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลต่อการขอสินเชื่อในการพัฒนาโครงการในอนาคตได้
สำหรับแผนในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการพัฒนาที่ดินรัชดาฯนั้น ในเบื้องต้นจะแบ่งส่วนการพัฒนาออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ 2-3 โครงการ โดยจะมีการผสมผสานกับคอมเมอร์เชียลมอลล์ขนาดเล็ก เพื่อรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในอนาคต โดยแบบคอมเมอร์เชียลมอลล์จะไม่เน้นเรื่องของขนาดมากนัก เพราะในพื้นที่รอบๆข้าง มีโครงการคอมเมอร์เชียลมอลล์ขนาดใหญ่ ให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องข้อกำหนดผังเมือง หรือ ผังสีของพื้นที่ย่านรัชดาฯนั้น ยังคงเป็นผังสีเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือ ผังสีแดง หรือพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นที่สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและอาคารสูงได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาในเรื่องผังเมืองใหม่นั้น ยังต้องมีการเสนอเรื่องคัดค้านการกำหนดข้อกำหนดใหม่ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มเข้ามาอย่างไม่มีเหตุผล เช่น การกำหนดให้มีถนนกว้าง 16-30 เมตรในโครงการ หรือการกำหนดระยะถอยร่นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กลายเป็นต้นทุนในการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการในอนาคต
อนึ่ง ตามงบการเงินล่าสุดที่บริษัทแจ้งผลประกอบการ ระบุว่า ในงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.54 บริษัทมีรายได้ 7,365.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 53 มีกำไรสุทธิ 1,565.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวม 21% กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.91 เพิ่มขึ้น 21% โดย ณ ไตรมาส 2 ปี 54 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 23,173.47 ล้านบาท
และ ณ วันที่ 30 มิ.ย.54 บริษัทมียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้าน และหรืออาคารชุดพักอาศัยแล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดโอนให้ลูกค้า 18,669 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า จำนวน 4,170 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 14,499 ล้านบาท ในอีก 4 ปีถัดไป
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บมจ.ศุภาลัย วันที่ 17ส.ค. หุ้น SPALI ปิดที่ระดับ 14.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 5.93% ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 14.30 บาท และต่ำสุด 13.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 397.28 ล้านบาท
