“ส.ว.นครปฐม” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบเงิน 84 ล้าน “กทช.” ให้งบโครงการอิ่มบุญ ชี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน เปรียบซื้อล่วงหน้าในการสรรหา “กสทช.” ของวุฒิสภา ในวันที่ 5-6 ก.ย.นี้
วันนี้ (29 ส.ค.) นายสมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม ในฐานะกรรมาธิการสามัญตรวจสอความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ พ.อ.นที สุกลรัตน์ นายพนา ทองมีอาคม รักษาการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กสทช. ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279-280 จากกรณีอนุมัติงบประมาณ 84 ล้านบาท ให้กับวุฒิสภาดำเนินโครงการอิ่มบุญ 999 วัด ในช่วงระหว่างกำลังมีกระบวนการสรรหา กสทช.
นายสมชาติกล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้มีการอนุมัติเมื่อเดือน ธ.ค. 2553 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) มีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าเมื่อกฎหมายบังคับใช้การสรรหา กสทช.จะต้องเริ่มขึ้น แต่ กทช.ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่เข้ารับการสรรหากลับมีการอนุมัติเงินดังกล่าว ทำให้เป็นเหตุสงสัยว่ามีลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ และเป็นการจ่ายซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ เพราะวุฒิสภามีอำนาจคัดเลือก กสทช.
นายสมชาติกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เงินจำนวน 84 ล้านบาทของ กสทช. แท้ที่จริงจะดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมของเยาวชน เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา แต่ปรากฏว่ามีการอนุมัติเงินดังกล่าวให้วุฒิสภาในช่วงคาบเกี่ยวกับการสรรหา โดย ส.ว.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวคือ นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานโครงการอิ่มบุญ ที่นำเงินดังกล่าวไปดำเนินการทุกจังหวัด ขณะเดียวกัน ทราบมาว่ามี ส.ว.หลายคนที่ร่วมเป็นกรรมการโครงการดังกล่าวได้ขอถอนตัวภายหลัง เช่น นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง นายโสภณ ศรีมาเหล็ก ส.ว.น่าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์
“ทั้งนี้ หากผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินปรากฏว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินการ โดยให้ถือเป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง กทช.ตามรัฐธรรมนูญด้วย อย่างไรก็ตาม การประชุมวุฒิสภา เพื่อลงมติเลือก กสทช.ในวันที่ 5-6 ก.ย.นี้จะดำเนินการตามปกติ โดยจะไม่ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาชะลอการนำเสนอระเบียบวาระดังกล่าวออกไป” นายสมชาติกล่าว
วันนี้ (29 ส.ค.) นายสมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม ในฐานะกรรมาธิการสามัญตรวจสอความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ พ.อ.นที สุกลรัตน์ นายพนา ทองมีอาคม รักษาการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กสทช. ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 279-280 จากกรณีอนุมัติงบประมาณ 84 ล้านบาท ให้กับวุฒิสภาดำเนินโครงการอิ่มบุญ 999 วัด ในช่วงระหว่างกำลังมีกระบวนการสรรหา กสทช.
นายสมชาติกล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้มีการอนุมัติเมื่อเดือน ธ.ค. 2553 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ.กสทช.) มีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าเมื่อกฎหมายบังคับใช้การสรรหา กสทช.จะต้องเริ่มขึ้น แต่ กทช.ในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่เข้ารับการสรรหากลับมีการอนุมัติเงินดังกล่าว ทำให้เป็นเหตุสงสัยว่ามีลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ และเป็นการจ่ายซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ เพราะวุฒิสภามีอำนาจคัดเลือก กสทช.
นายสมชาติกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เงินจำนวน 84 ล้านบาทของ กสทช. แท้ที่จริงจะดำเนินโครงการส่งเสริมการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมของเยาวชน เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา แต่ปรากฏว่ามีการอนุมัติเงินดังกล่าวให้วุฒิสภาในช่วงคาบเกี่ยวกับการสรรหา โดย ส.ว.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวคือ นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานโครงการอิ่มบุญ ที่นำเงินดังกล่าวไปดำเนินการทุกจังหวัด ขณะเดียวกัน ทราบมาว่ามี ส.ว.หลายคนที่ร่วมเป็นกรรมการโครงการดังกล่าวได้ขอถอนตัวภายหลัง เช่น นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง นายโสภณ ศรีมาเหล็ก ส.ว.น่าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์
“ทั้งนี้ หากผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินปรากฏว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริง ขอให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาดำเนินการ โดยให้ถือเป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง กทช.ตามรัฐธรรมนูญด้วย อย่างไรก็ตาม การประชุมวุฒิสภา เพื่อลงมติเลือก กสทช.ในวันที่ 5-6 ก.ย.นี้จะดำเนินการตามปกติ โดยจะไม่ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาชะลอการนำเสนอระเบียบวาระดังกล่าวออกไป” นายสมชาติกล่าว