“กรณ์” อภิปรายนโยบายบ้านหลังแรก ช่วยผู้ประกอบการ หวั่นผลประโยชน์ทับซ้อนเอสซีแอสเสท ถามรัฐบาลเอาเงินจากไหนมาทำตามนโยบาย ถ้าไม่ก่อหนี้ ก็ต้องรีดภาษีเพิ่ม “ธีระชัย” เผยรัฐมีช่องทางสร้างหนี้เพิ่มได้ ยืนยันนโยบายพักหนี้ช่วยเฉพาะลูกหนี้ ธ.ก.ส. และธ.ออมสิน
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายนโยบายของรัฐบาล ระบุว่า นโยบายเกี่ยวกับการพักหนี้ให้ประชาชนที่มีหนี้ไม่เกินรายละ 5 แสนบาทของรัฐบาล เท่าที่ทราบว่ามีการติดต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน เพื่อพักหนี้ให้กับลูกหนี้ โดยรัฐบาลจะต้องชดเชยดอกเบี้ยให้ ขณะที่ลูกหนี้อื่นๆ เช่น ลูกหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และลูกหนี้สถาบันการเงินอื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงินของรัฐ ที่มีหนี้ต่ำกว่า 5 แสนบาทต่อราย มีประชาชนกว่า 16 ล้านคน จะได้รับการเยียวยาช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง ก็อยากเห็นความชัดเจนจากทางรัฐบาล
นอกจากนี้ นายกรณ์กล่าวว่า นโยบายค่าแรงที่มีคำจำกัดความค่าจ้างขั้นต่ำ ค่าแรงขั้นต่ำ ขณะที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้หาเสียงไว้ แต่ในความเป็นจริงมีบางรายจะได้ค่าแรง 300 บาท และบางรายไม่ได้ ส่วนเงินเดือนสำหรับผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท ชัดเจนว่าเป็นเงินเดือนที่ผู้มีวุฒิปริญญาตรีได้รับ ไม่ได้จำกัดว่าเป็นข้าราชการ หรือ เอกชน แต่การชี้แจงไม่ได้บอกว่าเอกชนจะได้รับอย่างไร และข้าราชการ 8 แสนกว่าคน หากชดเชยให้ครบทั้งหมด จะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 4 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนบริษัทเอกชน และรัฐวิสาหกิจยังไม่ชัดเจน ดังนั้น รัฐบาลควรให้ความชัดเจนในเรื่องเดียวกับเรื่อง 300 บาท
สำหรับเรื่องการคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก จะคืนให้ 1 แสนบาท สำหรับผู้ซื้อรถคันแรกราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งความเป็นจริงกฎหมายภาษีสรรพสามิตคืนให้ไม่ได้ และจะมีประชาชนกี่คนที่สามารถซื้อรถคันแรกได้
ส่วนนโยบายบ้านหลังแรก พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย ถือเป็นการออมที่ดีที่สุด ดีกว่ารถยนต์คันแรก แต่เหตุใดจึงต้องมีการลดภาษีค่าโอนในส่วนที่ผู้ประกอบการต้องเป็นผู้จ่าย และจะลดภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ให้อีกครึ่งหนึ่ง ทั้งที่ผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเพราะมีกำไรมหาศาล อีกทั้งอาจมีข้อครหา เพราะนายกฯมีเครือญาติลงทุนในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ คือ บริษัทเอสซีแอสเซท ที่ปีก่อนมีผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 50% ดังนั้น ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
นายกรณ์สรุปว่า นโยบายต่างๆ รัฐบาลต้องตอบว่าจะทำตามนั้นหรือไม่ ถ้าทำจะเอาเงินมาจากไหน ถ้าไม่กู้เงินมา ก็ต้องเก็บภาษีจากประชาชนเพิ่ม ตอนนี้ประชาชนพร้อมให้โอกาสรัฐบาลในการทำงาน แต่ไม่ควรปล่อยให้ประชาชนต้องรับภาระจากการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ในขณะที่ลดภาษีในนายทุน และประชาชนมองว่ามีการละเลยการเก็บภาษีจากนายทุน และเจ้านายของท่าน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมมนตรี ตอบประเด็นบ้านหลังแรกว่า รัฐบาลมีจุดประสงค์ให้ประชาชน มีบ้านของตัวเองได้ จึงคิดนโยบายเพื่อลดหย่อนภาษีให้ โดยไม่เกี่ยวกับผู้ประกอบการใดๆ ทั้งสิ้น หากรัฐบาลจะช่วยผู้ประกอบการทำได้หลายวิธีไม่ต้องทำภายใต้นโยบายบ้านหลังแรก
นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า เรื่องกระบวนการเก็บภาษี เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากร ส่วนเรื่องการลดภาษีนิติบุคคล จะช่วยเพิ่มฐานภาษี ให้มีผู้เข้ามาในระบบมากขึ้น สำหรับวินัยการคลัง ที่กำหนดไว้สองประการ คือ กำหนดเพดานหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 60% ตอนนี้ 43% ยังมีช่องที่สามารถปล่อยให้หนี้เพิ่มขึ้นได้บ้าง ขณะที่ยังรักษาวินัยการคลังได้ อีกประการหนึ่งคือ สัดส่วนงบชำระหนี้ต่อรายจ่ายรัฐบาลไม่เกิน 15% ตอนนี้อยู่ที่ 11.5% ก็ยังสามารถรักษาได้เช่นเดียวกัน ส่วนประเด็นเรื่องการพักหนี้ เราดูเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ ไม่ออกไปถึงธนาคารเอกชน การขยายวงออกไปไม่มีความจำเป็น
นายกรณ์กล่าวว่า นายกฯ เคยให้สัมภาษณ์เป็นข่าวไว้ โดยระบุว่าจะยกเว้นค่าโอน ค่าจดจำนอง ประมาณ 2% ให้ ส่วนผู้ประกอบการ จะลดภาษีธุรกิจเฉพาะให้เหลือครึ่งหนึ่ง
สำหรับกรณีหุ้นชินคอร์ป ได้สรุปว่ามีการทำนิติกรรมอำพราง หุ้นเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ เราจะตามไปเก็บภาษีได้หรือไม่ ทำไมไม่เก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งกรมสรรพากรต้องไปเก็บจาก พ.ต.ท.ทักษิณเอง เรื่องไม่เก็บภาษีจากลูกก็จบไปแล้ว หน้าที่ต่อไปคือต้องตามไปเก็บภาษีจากเจ้าของหุ้น และสิ่งที่รัฐบาลยังไม่ได้ชี้แจงคือ แหล่งที่มาของเม็ดเงิน จะทำตามนโยบายจริงหรือไม่ ถ้าทำจะเอาเงินมาจากไหน ส่วนเรื่องการพักหนี้ก็ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะพักหนี้ให้เฉพาะธนาคารของรัฐสองแห่ง คือ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน จะไม่พักหนี้ให้ลูกค้าบัตรเครดิต บัตรเงินสด จะทำให้แค่ลูกหนี้ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินเท่านั้น
นายธีระชัยตอบนายกรณ์ว่า กรมสรรพากรได้ดูเรื่องภาษีของ พ.ต.ท.ทักษิณ หุ้นชินคอร์ปเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขายให้เทมาเส้กในตลาดหุ้น ตามกฎหมายระบุว่าเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับยกเว้นภาษี
