xs
xsm
sm
md
lg

“สุชาติ” ติง “ธีระชัย” ห้ามพลิ้วสัญญาประชานิยม บ้านหลังแรก-รถคันแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล (กลาง)
ปธ.คณะทำงานด้าน ศก.เพื่อไทย ออกปากเตือน “ธีระชัย” อย่าพลิ้วสัญญานโยบายประชานิยม เพราะประชาชนจะผิดหวัง ถูกมองว่าหลอกลวงประชาชน ชี้ ตอนหาเสียง บ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ดอก 0% นาน 5 ปี และเอาราคาบ้านไปลดหย่อนภาษี 5 แสน นาน 5 ปี ส่วนรถคันแรก ต้องคืนภาษีสูงสุดคันละ 2 แสนบาท ไม่ใช่ 1 แสนบาท ลั่นต้องทำตามที่ได้พูดเอาไว้ ยันเข้าใจ รมว.คลัง ที่ไม่ได้ทำนโยบาย แต่คนที่ทำนโยบาย กลับไม่ได้เข้าไปบริหาร

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการทำงานของทีมเศรษฐกิจรัฐบาล โดยเฉพาะ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ควรเร่งให้ความชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามนโยบายที่พรรค พท.หาเสียงไว้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายบ้านหลังแรก ที่พรรคกำหนดรายละเอียดไว้ตอนหาเสียงจะให้สินเชื่อ 0% เป็นเวลา 5 ปี และต่อที่ 2 ให้ประชาชนสามารถนำราคาบ้านที่ซื้อไปลดหย่อนภาษีได้ 5 แสนบาทต่อปี เป็นระยะเวลาเวลา 5 ปี

ขณะที่นโยบายรถคันแรก พรรคกำหนดไว้ว่าให้คืนภาษีสรรพสามิตทั้งหมด สำหรับรถยนต์ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ทำให้คนซื้อรถจะได้คืนภาษีสูงสุดคันละ 2 แสนบาท ไม่ใช่กำหนดคืนภาษีแค่ 1 แสนบาท เพราะตอนหาเสียง พูดไว้ชัดว่า จะคืนภาษีสรรพสามิตสำหรับ คันแรกที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท

สำหรับการคืนภาษี ก็จะกำหนดทยอยคืนให้ 5 ปี โดยเมื่อผู้ซื้อรถไปต่อทะเบียนก็จะได้รับคูปองคืนภาษี โดยที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณมาจ่ายคืนให้กับ ผู้ซื้อรถ เพราะจะป้องกันการสวมสิทธิ หากผู้ซื้อถือครองรถไม่ถึง 5 ปี ก็ไม่ได้ คืนภาษี และต้องคืนในส่วนที่ได้รับไป ก่อนหน้าคืนด้วย

นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายรถคันแรกนอกจากมีประโยชน์กับผู้ซื้อ รถคันแรกยังมีประโยชน์ผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่ที่อยากมีรถเป็นของตัวเอง ซึ่งราคารถแท็กซี่อยู่ที่ประมาณ 8 แสนกว่าบาท โดยจากนโยบายจะได้รับลดหย่อนภาษี ถึง 2 แสนบาท ก็จะทำให้ซื้อรถจริงๆ แค่ 6 แสนบาท เท่านั้น

“ผมเข้าใจ รมว.คลัง ยังสร้างความชัดเจนการทำนโยบายไม่ได้ เพราะท่านไม่ได้ เป็นคนทำ ส่วนผมกับนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่เป็นคนทำนโยบาย ก็ไม่ได้ไปนั่งไปบริหาร แต่รัฐบาลต้องทำตามสัญญาที่หาเสียง เพื่อไม่ให้ประชาชนผิดหวังหรือว่ารู้สึกโดนหลอก”

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า ยังมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง และรัฐบาลควรเร่งดำเนินการ คือ การจำนำข้าว 1.5-2.0 หมื่นบาทต่อตัน ที่ต้องเริ่มภายในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ที่จะถึงนี้และต้องรับจำนำข้าวทุกเม็ด เชื่อว่า รัฐบาลจะรับจำนำจริงประมาณ 30% ของผลผลิตเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะมีเอกชนเข้ามาแข่งซื้อกับรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายค่าแรง 300 บาท และ เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท ที่รัฐบาลต้องเริ่มดำเนินการให้ได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2554 กับส่วนราชการ ทั้งหมด ก่อนที่จะให้ภาคเอกชนดำเนินการในวันที่ 1 มกราคม 2555 ซึ่งรัฐบาลจะช่วยโดยการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% และยังให้ผู้ประกอบการนำรายจ่ายในส่วนเพิ่มค่าแรง และเงินเดือนมาหักลดหย่อยภาษีได้ 2 เท่าอีกด้วย

สำหรับนโยบายการยกเลิกกองทุนน้ำมัน รัฐบาลก็ต้องดำเนินการตามที่สัญญาไว้ ทั้งในส่วนของน้ำมันเบนซิน ลิตรละ 6-7 บาท และน้ำมันดีเซลลิตรละ 1.30 บาท เพราะราคาน้ำมันสูงขึ้น

ในส่วนของกระทรวงการคลัง ควรต้องเร่งพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 5.80 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2554 นี้ ออกไปอีกประมาณ 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซล ถูกลงจริง เพราะหากไปเก็บภาษีน้ำมันดีเซลจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น กว่าเดิม แม้จะมีการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ซึ่งจะทำให้นโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

โดยก่อนหน้านี้ นายธีระชัย แถลงข่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด เกี่ยวกับนโยบายตามที่พรรค พท.หาเสียงไว้ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กระทรวงการคลัง เพราะยังสรุปไม่ได้ และอาจมีการเปลี่ยนแปลง ที่จำเป็นต้องเสนอให้ นายกรัฐมนตรีตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น