เลขาฯ กก.สิทธิ์ ยัน ไม่เคยร่วมงานประชาธิปัตย์ อ้างช่วยงาน “ชวน” ฐาน ขรก.สธ.เผยพรรคอื่นก็ชวน แต่ไม่ไป ซัดสื่อบางสำนักจ้องดิสเครดิต โอ่ครอบครัวสนิทกะแก๊งชินวัตรมากกว่า แต่ไม่เคยเอาเรื่องงานมาปะปน แขวะอำนาจเงินทำโรคสายตาเอียง เผย คดีเผาเมืองคืบ โชว์สปิริตไม่ร่วมประชุม หวั่นถูกโยงทำงานเสีย
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นายแพทย์ ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากข่าวการตรวจสอบสื่อมวลชนของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ สภาการหนังสือพิมพ์ฯ แล้วได้พยายามโยงความสัมพันธ์ของตนกับพรรคประชาธิปัตย์ แล้วทำให้สาธารณชนเข้าใจว่า ตนมีอคติในการจัดทำร่างรายงานเหตุการณ์การชุมนุมของ นปช.ระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ตนขอปฏิเสธว่า ไม่เคยเข้าร่วมงาน หรือกิจกรรมใดๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่เป็นข่าว แต่ยอมรับว่า ในระหว่างที่เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข เคยได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการควบคุมการบริโภคยาสูบ จาก นายชวน หลีกภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น ขณะเดียวกัน ตนยังทำหน้าที่เป็นเลขาธิการแพทยสภา ที่ต้องทำงานและเสนอความเห็นต่อ นายชวน หลีกภัย ในฐานะ “สภานายกพิเศษ” ของแพทยสภา อาจทำให้ถูกมองว่าเป็นการทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวตนมีความเคารพนายชวน และ นายชวน ก็ให้ความเคารพนับถือพ่อของตนเช่นกัน
นายแพทย์ ชูชัย ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมา มีเพื่อนจากพรรคการเมืองอื่นๆ ขอข้อมูล หรือข้อเสนอแนะมาก็จัดส่งให้ทุกพรรค ไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ในอดีตเคยมีพรรคการเมืองหลายพรรคชวนลงสนามเลือกตั้ง ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น ซึ่งตนได้ปฏิเสธไปทุกครั้ง เพราะถนัดแต่การเมืองภาคพลเมืองเท่านั้น
นายแพทย์ ชูชัย กล่าวต่อไปว่า หนังสือพิมพ์บางสำนักพยายามทำให้สังคมสับสน โดยโยงความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือครอบครัว กับหน้าที่การงาน เป็นการดิสเครดิตตนมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ออกมาตอบโต้ใดๆ หากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวมีวิธีคิดเช่นนั้น ตนอยากบอกว่า ครอบครัวของตนมีความสนิทสนมกับครอบครัวคุณป้าพวงเพ็ญ ชินวัตร มากกว่าครอบครัวหลีกภัย เพราะคุณป้าพวงเพ็ญ ชินวัตร เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแม่ ตนให้ความเคารพคุณป้าพวงเพ็ญเช่นเดียวกับ นายชวน หลีกภัย ทุกวันนี้ในยามปัจฉิมวัยคุณป้าพวงเพ็ญ กับแม่ยังไปทำบุญด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน และมานอนค้างที่บ้านเป็นระยะๆ สำหรับตนเองเมื่อครั้งไปศึกษาต่อที่มลรัฐแมสซาซูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ก็ไปพักอาศัยบ้านของ ดร.วีระเดช ชินวัตร จึงมีความสนิทสนมกันฉันพี่น้อง แต่ไม่มีใครนำความสัมพันธ์ส่วนตัวมาปะปนกับการทำงานในหน้าที่แต่อย่างใด สำหรับตัวเองเคยเชื่อเสมอว่า “หากยืนตรงกลางแดด อย่าได้กลัวเงาคด” แต่บัดนี้อำนาจเงินไม่เพียงแต่ทำให้ผีโม่แป้งได้ ยังทำให้คนที่แตะต้องเกิดอาการโรคสายตาเอียงได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าร่างรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช.ของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควร กสม.ทำงานร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิอีก 10 คน ประชุมกันทุกสัปดาห์ โดยที่ตนได้เรียนให้ ศ.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทราบแล้วว่า ไม่ขอเข้าประชุมด้วย เพราะอาจนำไปกล่าวอ้างเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรายงาน แต่ในวันแถลงข่าวเพื่อเสนอรายงานฉบับนี้ต่อสาธารณชน สำนักงาน กสม.จะชี้แจงกลไกและกระบวนการจัดทำรายงานฉบับนี้ทั้งหมด เพราะที่ปรากฏตามหนังสือพิมพ์บางฉบับก่อนหน้านี้ ล้วนคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมาก
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นายแพทย์ ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากข่าวการตรวจสอบสื่อมวลชนของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ สภาการหนังสือพิมพ์ฯ แล้วได้พยายามโยงความสัมพันธ์ของตนกับพรรคประชาธิปัตย์ แล้วทำให้สาธารณชนเข้าใจว่า ตนมีอคติในการจัดทำร่างรายงานเหตุการณ์การชุมนุมของ นปช.ระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ตนขอปฏิเสธว่า ไม่เคยเข้าร่วมงาน หรือกิจกรรมใดๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่เป็นข่าว แต่ยอมรับว่า ในระหว่างที่เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข เคยได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการควบคุมการบริโภคยาสูบ จาก นายชวน หลีกภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น ขณะเดียวกัน ตนยังทำหน้าที่เป็นเลขาธิการแพทยสภา ที่ต้องทำงานและเสนอความเห็นต่อ นายชวน หลีกภัย ในฐานะ “สภานายกพิเศษ” ของแพทยสภา อาจทำให้ถูกมองว่าเป็นการทำงานให้พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวตนมีความเคารพนายชวน และ นายชวน ก็ให้ความเคารพนับถือพ่อของตนเช่นกัน
นายแพทย์ ชูชัย ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมา มีเพื่อนจากพรรคการเมืองอื่นๆ ขอข้อมูล หรือข้อเสนอแนะมาก็จัดส่งให้ทุกพรรค ไม่ใช่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ในอดีตเคยมีพรรคการเมืองหลายพรรคชวนลงสนามเลือกตั้ง ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น ซึ่งตนได้ปฏิเสธไปทุกครั้ง เพราะถนัดแต่การเมืองภาคพลเมืองเท่านั้น
นายแพทย์ ชูชัย กล่าวต่อไปว่า หนังสือพิมพ์บางสำนักพยายามทำให้สังคมสับสน โดยโยงความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือครอบครัว กับหน้าที่การงาน เป็นการดิสเครดิตตนมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ออกมาตอบโต้ใดๆ หากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวมีวิธีคิดเช่นนั้น ตนอยากบอกว่า ครอบครัวของตนมีความสนิทสนมกับครอบครัวคุณป้าพวงเพ็ญ ชินวัตร มากกว่าครอบครัวหลีกภัย เพราะคุณป้าพวงเพ็ญ ชินวัตร เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแม่ ตนให้ความเคารพคุณป้าพวงเพ็ญเช่นเดียวกับ นายชวน หลีกภัย ทุกวันนี้ในยามปัจฉิมวัยคุณป้าพวงเพ็ญ กับแม่ยังไปทำบุญด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน และมานอนค้างที่บ้านเป็นระยะๆ สำหรับตนเองเมื่อครั้งไปศึกษาต่อที่มลรัฐแมสซาซูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ก็ไปพักอาศัยบ้านของ ดร.วีระเดช ชินวัตร จึงมีความสนิทสนมกันฉันพี่น้อง แต่ไม่มีใครนำความสัมพันธ์ส่วนตัวมาปะปนกับการทำงานในหน้าที่แต่อย่างใด สำหรับตัวเองเคยเชื่อเสมอว่า “หากยืนตรงกลางแดด อย่าได้กลัวเงาคด” แต่บัดนี้อำนาจเงินไม่เพียงแต่ทำให้ผีโม่แป้งได้ ยังทำให้คนที่แตะต้องเกิดอาการโรคสายตาเอียงได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าร่างรายงานเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช.ของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควร กสม.ทำงานร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิอีก 10 คน ประชุมกันทุกสัปดาห์ โดยที่ตนได้เรียนให้ ศ.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทราบแล้วว่า ไม่ขอเข้าประชุมด้วย เพราะอาจนำไปกล่าวอ้างเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรายงาน แต่ในวันแถลงข่าวเพื่อเสนอรายงานฉบับนี้ต่อสาธารณชน สำนักงาน กสม.จะชี้แจงกลไกและกระบวนการจัดทำรายงานฉบับนี้ทั้งหมด เพราะที่ปรากฏตามหนังสือพิมพ์บางฉบับก่อนหน้านี้ ล้วนคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมาก